การลงทุนโรงไฟฟ้าในอเมริกาของ BCPG แก้ปัญหาค่า Adder ทยอยหมดลงใน 2 ปีนี้ ได้ตรงจุด   

3665 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การลงทุนโรงไฟฟ้าในอเมริกาของ BCPG แก้ปัญหาค่า Adder ทยอยหมดลงใน 2 ปีนี้ ได้ตรงจุด   


บมจ. บีซีพีจี (BCPG) เดินหน้าลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ พร้อมช่วยรักษาสภาพแวดล้อมให้โลก ล่าสุด ขยายพอร์ตในอเมริกาเพิ่ม ด้วยการทุ่มงบลงทุน 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 8,919 ล้านบาท ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 2 โครงการ ผ่านการซื้อหุ้นบริษัท ฮามิลตั้น โฮลดิ้ง ในสัดส่วน 25% จากบริษัท แฟรงคลิน พาวเวอร์ โฮลดิ้ง เจ้าของโรงไฟฟ้าฮามิลตั้น ลิเบอร์ตี้ (Hamilton Liberty) และโรงไฟฟ้าฮามิลตั้น เพทรีออต (Hamilton Patriot) ที่ตั้งอยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 426 เมกะวัตต์ (MW) เพราะโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการมีกำลังการผลิตรวมกัน 1,705 MW

ซึ่งเมื่อนับรวมการซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ แครอล เคาท์ตี้ (Carroll County) และเซาธ์ฟิลด์ (South Field) ที่บริษัทฯ ร่วมลงทุนกับพันธมิตรอเมริกัน แอ๊ดวานซ์ พาวเวอร์ (Advanced Power) คิดเป็นงบลงทุน 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,972 ล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ก่อนหน้านี้ ทำให้ BCPG มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นในอเมริกาเพิ่มเป็น 577 MW

นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ BCPG ชี้แจงว่า การลงทุนทั้งหมดนี้ บริษัทฯ จะใช้กระแสเงินสดในมือที่มีกว่า 2 หมื่นล้านบาทเพื่อทำธุรกรรม ซึ่งถือได้ว่ามีความคุ้มค่า เนื่องจากโรงไฟฟ้าที่ลงทุนทั้งหมดเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติที่ใช้เทคโนโลยีพลังงานความร้อนร่วม Combined Cycle Gas Turbines โดยใช้กังหันก๊าซและกังหันไอน้ำร่วมกันผลิตไฟฟ้า ทำให้การผลิตไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังมีต้นทุนการผลิตต่ำเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติอื่นในตลาด ทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันเพื่อประมูลขายไฟฟ้าในตลาดไฟฟ้าเสรี PJM ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดในอเมริกา อีกทั้งการลงทุนครั้งนี้ บริษัทฯ ยังสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันที หลังธุรกรรมแล้วเสร็จ

 



ความสำเร็จของการลงทุนในอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์มีมุมมองเชิงบวก เพราะเป็นส่วนสําคัญที่เข้ามาช่วยเติมเต็มรายได้จากการที่ค่า Adder ของโครงการโรงไฟฟ้าจะค่อยๆ ทยอยหมดลงในปีนี้ และปีหน้า และยังช่วยต่อยอดกําลังการผลิตของ BCPG ให้เติบโตขึ้นอีก 25.3% จนแตะ 1.7 พัน MW

ประการสำคัญ การลงทุนครั้งนี้ ยังช่วยให้ BCPG รับรู้ส่วนแบ่งกําไรจากการลงทุนเข้ามาได้ทันที ภายหลังจากดีลแล้วเสร็จ เพราะทุกโครงการสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้แล้ว

ฟิลลิป (PLS) ระบุว่า การเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าในอเมริกาเป็นครั้งที่สอง ถือว่าซื้อได้ในราคาที่ค่อนข้างเหมาะสม หลังจากที่เข้าลงทุนใน Caroll และ South Field ในเดือนกุมภาพันธ์ ในเบื้องต้น คาดว่า BCPG จะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในอเมริกาปีหนึ่งๆ ราว 800-1,000 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพื้นฐานเพิ่มขึ้น 3 บาท คิดเป็นราคาเหมาะสม 16.70 บาท และแนะนำซื้อลงทุนระยะกลางถึงยาว เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนถึงผลกระทบของการหมดอายุของส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าแล้ว และการขยายกำลังการผลิตอีก 714 MW ของโครงการที่กำลังพัฒนาช่วงปี 2566-2568 และแผนลงทุนใหม่ๆ ในอนาคตจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตระยะยาวของบริษัทฯ

ส่วนเอเซีย พลัส (ASPS) มองว่า การลงทุนโครงการ Liberty และ Patriot น่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปีนี้ ช่วยให้ BCPG รับรู้ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนได้ 530 ล้านบาท เต็มปีตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป คิดเป็น EIRR 10% ส่งผลให้ทิศทางกําไรปกติปีนี้ลดลง 5% จากปีก่อน ก่อนกลับมาเติบโต 13.8% ในปีหน้า คิดเป็นราคาเหมาะสมใหม่ที่ 13.50 บาท แนะนําหาจังหวะเข้าสะสมลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว เพราะประเมินภาพธุรกิจ 2-3 ปีต่อจากนี้ คาดจะเห็นกําไรเพียงประคองตัวจากโครงการใหม่ๆ ที่เข้ามาเติมเต็มรายได้จาก Adder ที่หมดลง

ขณะที่หยวนต้า (YUANTA) ปรับเพิ่มกำไรปีนี้และปีหน้าขึ้น 2% และ 31% เป็น 1,662 ล้านบาท และ 1,920 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปีนี้ คาดกำไรปกติจะชะลอตัวจากปีก่อน 20% แม้บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Liberty และ Patriot เป็นเวลา 3 เดือน ราว 125 ล้านบาท แต่คาดบริษัทฯ จะมีค่าที่ปรึกษาในการทำธุรกรรม 89 ล้านบาท เมื่อตั้งสมมติฐานค่าที่ปรึกษามีสัดส่วน 1% ของขนาดธุรกรรม ทำให้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบจาก Adder ที่หมดอายุลงในปีนี้ได้ แต่คาดกำไรปกติปีหน้าจะกลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยเติบโตจากปีนี้ 16% จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในอเมริกา ทั้ง 4 โครงการเต็มปี และการทยอยรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวัน ซึ่งจะทยอย COD ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปีนี้ไปจนถึงครึ่งหลังปีหน้า จนเต็มกำลังการผลิต 175 MW สามารถชดเชยผลกระทบจาก Adder ที่หมดอายุลงได้ คิดเป็นราคาเป้าหมาย 12.40 บาท พร้อมแนะนำ ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว

 


 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้