BLC ผู้ผลิตยาสัญชาติไทย ประกาศความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลางปีนี้

2718 จำนวนผู้เข้าชม  | 

BLC ผู้ผลิตยาสัญชาติไทย ประกาศความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลางปีนี้


บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) ผู้ผลิตและจำหน่ายยาสามัญแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ อย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มายาวนานกว่า 30 ปี ประกาศความพร้อมในการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่วงกลางปีนี้ นำร่องด้วยการนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนทั่วไป ให้เข้าใจและรับรู้ปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ  

ภก. สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC บอกว่า บริษัทฯ มีแผนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO ที่ราคาพาร์หุ้นละ 50 สตางค์ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาอาคารใหม่ ที่มีการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานโซลาร์ ทั้งเพื่อบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการช่วยลดภาวะโลกร้อน และใช้ลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาเพื่อผลิตยาสามัญใหม่ เป็นหลัก

อีกส่วนหนึ่งนำไปชำระเงินกู้สถาบันการเงินเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินให้มีความเข้มแข็งขึ้น ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต  

ปัจจุบัน บริษัทฯ ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับ 2 ผลิตภัณฑ์ กลุ่มแรกเป็นผลิตภัณฑ์ยา ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์ยาสามัญและยาสามัญใหม่ (Generic Drugs and New Generic Drugs) ยาที่ผลิตตามสูตรต้นตำรับ (Original Drug) ยาจดสิทธิบัตร (Patented Drug) ที่หมดอายุการคุ้มครองแล้ว เช่น กลุ่มยารักษากระดูกและข้อ ผิวหนัง ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ รวมถึงผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร (Herbal Medicines) ที่ผลิตจากวัตถุดิบที่หาได้ภายในประเทศ เช่น พริก ไพล กระชายดำ ว่านหางจระเข้ ซึ่งใช้ในการรักษาโดยการแพทย์ทางเลือก ตลอดจนผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ (Animal Medicines) เพื่อรักษาโรคติดเชื้อที่อาจเกิดในฟาร์มปศุสัตว์ ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ประกอบด้วย เครื่องสำอาง (Cosmetics) ผลิตและจัดจำหน่ายเวชสำอางสำหรับบำรุงผิวหน้าและผิวกาย ทั้งแบรนด์ของตัวเอง และรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์อื่นๆ ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เน้นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงข้อต่อ กล้ามเนื้อ กระดูก และบำรุงสายตา ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ เจลหล่อลื่น สเปรย์ฉีดกันยุง  ให้ความสำคัญกับงานวิจัยที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลยุทธ์การทำธุรกิจของบริษัทฯ ดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ "มุ่งเน้นสร้างนวัตกรรม พร้อมทั้งใช้ความรู้ด้านภูมิปัญญาไทยเข้ามาบูรณาการ ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้วยเทคโนโลยี เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย" เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของประเทศไทย ช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพให้กับคนไทย และขับเคลื่อนการเติบโตอุตสาหกรรมยาของประเทศไทยในระยะยาว 

 



ด้าน ภก. ศุภชัย สายบัว ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ BLC ชี้แจงถึงจุดเด่นของบริษัทฯ ว่า อยู่ที่การให้ความสำคัญกับงานวิจัยที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยาอย่างต่อเนื่อง ผ่านศูนย์วิจัย BLC ซึ่งทำหน้าที่ทั้งพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ รวมถึงถ่ายทอดเทคโนโลยีจากหน่วยงานวิจัยต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อผลิตยาสามัญชื่อใหม่ (New Generic Drugs) ควบคู่ไปกับการวิจัยและพัฒนาสารสกัดจากสมุนไพร ด้วยกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานสากล ทั้ง GMP, ISO9001, ISO/IEC17025, ISO22000, GHP และ HACCP 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนการผลิต ทำให้มีการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามามีส่วนช่วยในทุกๆ ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น เครื่อง High Performance Liquid Chromatography (HPLC) ซึ่งใช้ในการตรวจสอบคุณภาพส่วนผสม เครื่องทดสอบการละลาย หรือเครื่องตรวจจับโลหะ เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าถึงยาและการรักษาได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงลดการพึ่งพิงการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยา หรือนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยาในประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน 

ความสำเร็จจากงานวิจัย ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้อย่างทั่วถึง ทั้งสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน ร้านขายยาชั้นนำ โมเดิร์นเทรด และช่องทางออนไลน์

ขณะที่ผลดำเนินงานย้อนหลังช่วงปี 2562-64 บริษัทฯ มีการเติบโตของกำไรอย่างก้าวกระโดด จาก 0.7 ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มเป็น 13.7 ล้านบาท และ 51.1 ล้านบาท ในปี 2563 และ 2564 ตามลำดับ ทั้งที่รายได้จากการขายปรับตัวลดลงจาก 1,202.0 ล้านบาท ในปี 2562 เหลือ 1,105.3 ล้านบาท ในปี 2563 ก่อนเพิ่มเป็น 1,108.3 ล้านบาท ในปี 2564 ส่วนผลดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกปีก่อน บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 938.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หนุนให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 463.4% มาอยู่ที่ 87.9 ล้านบาท  

 



ซึ่ง ภก. สมชัย พิสพหุธาร ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน BLC อธิบายว่า การที่รายได้อ่อนตัวในปี 2563 เกิดจากธุรกิจได้ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2564 เมื่อภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่การเติบโตของกำไรมีสาเหตุจากบริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่อง และยังได้สิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ช่วยให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลบางส่วน ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงระดับ 50-60%

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้