OSP กำไรฟื้นตัวเร็วกว่าคาด กลายเป็นหุ้นเด่นกลุ่มเครื่องดื่ม

2962 จำนวนผู้เข้าชม  | 

OSP กำไรฟื้นตัวเร็วกว่าคาด กลายเป็นหุ้นเด่นกลุ่มเครื่องดื่ม



หลังจาก บมจ. โอสถสภา (OSP) ประกาศผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 778 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131.1% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เพราะมีรายได้จากเงินปันผลพิเศษที่เกิดจากการลงทุนใน Unicharm 306 ล้านบาท แต่หากไม่รวมเงินปันผลพิเศษ กำไรไตรมาสแรกจะเติบโต 41.8% QoQ ขานรับผลสำเร็จจากการลดต้นทุนการผลิต ทั้งวัตถุดิบและพลังงาน รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ขณะที่รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 1.8% ตามการฟื้นตัวของยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศ และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มเครื่องดื่มในต่างประเทศ ที่เติบโตเป็นเลข 2 หลัก ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น 1.7% YoY และ 3.5% QoQ เป็น 33.4%

อย่างไรก็ตาม การที่รายได้ในไตรมาสแรกปีก่อนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้เมื่อยอดขายเครื่องดื่มในประเทศไตรมาสแรกปีนี้ชะลอตัวลง จึงมีผลให้รายได้ในไตรมาสแรกปีนี้ลดลง 12.4% YoY ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นเพียง 3.8% YoY  

โอกาสนี้ นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OSP ออกมาเปิดเผยแผนงานในช่วงที่เหลือปีนี้ ว่า พร้อมเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ และทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคยุคใหม่ และขยายตลาดให้ครอบคลุมฐานผู้บริโภคทุกช่วงวัย เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ซึ่งบริษัทฯ ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดกลุ่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ 46.6% และส่วนแบ่งตลาดกลุ่มเครื่องดื่ม Functional Drinks ที่ 40.4% ให้ได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเดินหน้าปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น รวมถึงมุ่งมั่นผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค และยกระดับการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงในระยะยาว

 



ความสำเร็จในการบริหารอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงขึ้น ในระยะเวลาที่เร็วกว่าคาด ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทุกสำนักคิดตรงกันว่า จะเห็นผลดำเนินงานของ OSP ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด

ดาโอ (DAOL) ระบุว่า การฟื้นตัวของกำไรขั้นต้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจาก efficiency และ volume ที่ดีขึ้น รวมถึงส่วนแบ่งตลาดที่เริ่มนิ่ง จะผลักดันให้กำไรของ OSP ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้ หนุนให้กำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าเติบโตเฉลี่ย 27% มาอยู่ที่ 2,457 ล้านบาท และ 3,116 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นราคาเป้าหมายที่ 32 บาท อิง PER 39 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่นับรวม upside จาก M&A ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปในปีนี้

ส่วนบัวหลวง (BLS) เสริมว่า นอกจากความสำเร็จของโครงการประหยัดต้นทุน และต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มลดลงแล้ว การที่บริษัทฯ มีแผนเพิ่มยอดขายในกลุ่ม functional drink ด้วยการทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Refreshment 3-4 ตัว ช่วงไตรมาส 2 ต่อเนื่องไตรมาส 3 รวมถึงแผนเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง จาก M-150 ตัวเดิมที่ปรับราคา 12 บาท และสินค้าราคาเดิม 10 บาท น่าจะทำให้ยอดขายเครื่องดื่มทั้งในและต่างประเทศค่อยๆ เร่งตัวขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นทุกไตรมาส ทำให้พร้อมทบทวนประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายอีกครั้งในอนาคต แต่ในเบื้องต้นยังคงราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 32 บาท

สำหรับกลยุทธ์ลงทุน มีคำแนะนำจากหยวนต้า (YUANTA) ว่า การที่ OSP เป็นหุ้นที่ตลาดมองเป็นกลางถึงลบมาก่อนหน้านี้ (แตกต่างจากที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ มองบวกมาตั้งแต่ต้น จึงให้ราคาเหมาะสมที่ 36 บาท) ทำให้มีโอกาสเห็นตลาดทยอยปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายขึ้น หลังประกาศงบการเงินไตรมาส 2 ดังนั้น จึงมองเป็นโอกาสในการขายทำกำไรสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนระยะสั้น ถึงกลาง เพื่อรอสะสมหุ้นที่ระดับต่ำกว่า 30 บาท หรือเมื่อใกล้ช่วงประกาศผลดำเนินงาน สังเกตได้จากมูลค่าพื้นฐานที่สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Concencus) รวบรวมไว้ มีค่าเฉลี่ยที่ 31.50 บาท



Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้