GFC เตรียมเดินสายโรดโชว์ ก่อนเดินหน้าขาย IPO 60 ล้านหุ้น เข้า mai ภายในไตรมาส 3 ปีนี้

นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ (GFC) หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยาก ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ของประเทศไทย ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ไปจนถึงการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติแบบไฟลิ่ง GFC เรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทฯ เตรียมเดินทางไปนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน (โรดโชว์) ประเดิมที่จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 16 สิงหาคม ต่อด้วยกรุงเทพมหานคร วันที่ 18 สิงหาคม และปิดท้ายที่ห้องค้าหลักทรัพย์ วันที่ 28 สิงหาคมนี้ เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ภายในไตรมาส 3 นี้

สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน ที่ใช้ลงทุนขยายคลินิก GFC สาขาสุวรรณภูมิ - พระราม 9 รวมถึงการลงทุนในสาขาย่อยในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ และมีฐานลูกค้าผู้มีบุตรยาก เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับการเพิ่มศูนย์ฝึกอบรมนักเทคนิคการแพทย์ เพื่อยกระดับการให้บริการที่มีคุณภาพ รองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้ารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในอนาคต ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ที่มีความมั่นคง ยั่งยืน และยึดมั่นในหลักจริยธรรม

ด้านนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ (Capital One) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บอกว่า การประเดิมโรดโชว์ที่ จ.อุบลราชธานี เพราะต้องการตอกย้ำศักยภาพของคลีนิกสาขาอุบลราชธานี ซึ่งจะเป็นสาขาเรือธง (Flagship) อีกหนึ่งแห่งที่มีศักยภาพสูง สามารถขยายฐานการให้บริการไปยังจังหวัดใกล้เคียงครอบคลุมในทุกมิติ

ขณะเดียวกัน การนำเสนอข้อมูลครั้งนี้จะทำให้นักลงทุนเข้าใจถึงลักษณะการดำเนินธุรกิจ และรู้จัก GFC มากขึ้น จากจุดแข็งในการเป็นผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวช และเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์ในการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากมากกว่า 23 ปี อีกทั้งมีเทคโนโลยี Early Embryo Viability Assessment (EEVA) ซึ่งเป็นการนำระบบ AI จากอเมริกามาช่วยประเมินตัวอ่อนเป็นที่แรกในประเทศไทย เมื่อปี 2563 ซึ่งสามารถแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับตัวอ่อน และวิเคราะห์คุณภาพของตัวอ่อนอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ โดยอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ย และสูงสุดถึง 72.58% ช่วยตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ และคู่สมรสที่ปรารถนาอยากมีบุตรที่สมบูรณ์ แข็งแรง มาเติมเต็มความสุขของครอบครัว ได้อย่างตรงจุด

นอกจากนี้ GFC ยังมีจุดเด่นเรื่องผลดำเนินงานที่แข็งแกร่ง สะท้อนผ่านการเติบโตของรายได้ย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา (2563-65) ที่ขยายตัวจาก 214.42 ล้านบาท เป็น 242.12 ล้านบาท และ 275.91 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้จากการให้บริการจะสอดคล้องกับจำนวนผู้เข้ามารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ขณะที่กำไรสุทธิผันผวนเล็กน้อย จาก 66.55 ล้านบาท เพิ่มเป็น 69.63 ล้านบาท ก่อนลดลงเหลือ 65.68 ล้านบาท สาเหตุจากอัตรากำไรสุทธิ และอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มสูงขึ้น แต่เชื่อว่า หลังจากคลินิก GFC สาขาสุวรรณภูมิ - พระราม 9 เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ จะหนุนให้ผลดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น เข้าทำนองหุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง