GUNKUL เริ่มฟื้น รับได้รัฐบาลใหม่ เพิ่มโอกาสต่อยอดธุรกิจ EPC และธุรกิจกัญชง-กัญชา

4813 จำนวนผู้เข้าชม  | 

GUNKUL เริ่มฟื้น รับได้รัฐบาลใหม่ เพิ่มโอกาสต่อยอดธุรกิจ EPC และธุรกิจกัญชง-กัญชา


หลังจาก บมจ. กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีนี้ มีกำไรจากการดำเนินงาน 382.44 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 19.75% สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานลม มาเป็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50%

ขณะที่งวดครึ่งปีแรก มีกำไรจากการดำเนินงาน 895.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 28.60% สาเหตุจากธุรกิจหลักที่ดีขึ้น ทั้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวางระบบด้านวิศวกรรม (EPC) และยอดขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตในโครงการพลังงานลมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสแรก ถึงแม้บริษัทฯ จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพียง 50% แต่ยังสามารถสร้างกำไรได้อย่างมาก

โอกาสนี้ ดร. สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL ออกมาให้ข้อมูลแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังด้วยว่า น่าจะเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก หนุนจากธุรกิจ EPC และธุรกิจพลังงานทดแทน โดยธุรกิจ EPC ยังมีงานในมือ (Backlog) รอรับรู้รายได้กว่า 5,000 ล้านบาท และโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่มจากการประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทน มีกำลังการผลิตแล้วกว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ทั้งจากโครงการโซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลม ช่วยผลักดันรายได้เพิ่มในระยะต่อไป ขณะเดียวกัน ยังจะมีรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานและเทคโนโลยี กับธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า เข้ามาเสริมอีก จึงทำให้มั่นใจว่าผลดำเนินงานปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15%  

 



สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากหยวนต้า (YUANTA) กรุงศรี พัฒนสิน (KCS) และดาโอ (DAOL) เชื่อว่า จะเห็น GUNKUL มีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตจากปีก่อน ขับเคลื่อนจากธุรกิจ EPC ที่เติบโตต่อเนื่องเป็นปัจจัยหลัก โดย YUANTA และ KCS คาดกำไรจากการดำเนินงานของ GUNKUL ทั้งปีที่ 1.3-1.4 พันล้านบาท

ส่วนดาโอ (DAOL) ประเมินไว้สูงถึง 1.6 พันล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า บริษัทฯ มีโอกาสได้งาน EPC โรงไฟฟ้าเพิ่มเติม ทั้งจากโครงการที่ผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เฟสแรก 5.2 GW และโรงไฟฟ้าในเวียดนาม รวมถึงโครงการที่รอยังประกาศผลในเฟสสอง อีก 3.6 GW หลังได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารงาน ก่อนจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ ชนะการประมูลในเฟสแรก 832 MW ในระยะต่อไป จึงเริ่ม Price-in โครงการใหม่เข้าไปในราคาหุ้นบ้างแล้ว ส่งผลให้ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 6.20 บาท แบ่งเป็นธุรกิจไฟฟ้า 4.70 บาท และธุรกิจ EPC อีก 1.50 บาท

สำหรับ YUANTA ให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 5.25 บาท เพราะเชื่อว่า การได้รัฐบาลใหม่จะช่วยให้โครงการโรงไฟฟ้าเฟสแรกมีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นภายในครึ่งปีหลัง ขณะที่ KCS ยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากโรงไฟฟ้าที่ชนะประมูลใหม่ 832 MW จนกว่าจะมีความชัดเจนในการลงนามสัญญา PPA ก่อน จึงคงราคาเป้าหมายที่ 4.40 บาท แบ่งเป็นธุรกิจไฟฟ้า 3.20 บาท และธุรกิจ EPC อีก 1.20 บาท

 



ประการสำคัญ การที่ราคาหุ้น GUNKUL พักฐานที่ 3.20-3.30 บาท มากว่า 2 เดือน ทำให้ downsize ของหุ้นมีจำกัด อีกทั้งการมีความชัดเจนเรื่องรัฐบาลใหม่ ทำให้เริ่มมีการตีความกันว่า น่าจะมีความชัดเจนในประเด็นการลงนามสัญญา PPA และแนวนโยบายการทำธุรกิจกัญชง-กัญชา เกิดตามมาในเร็วๆ นี้  ส่งผลให้เริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรหนุนให้ราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นมากว่า 10% ทำให้กลยุทธ์ระยะสั้น อาจเล่นรอบได้

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้