BCP ย้ำ ยังไม่มีแผนเพิกถอน EESO ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมให้คำมั่น ส่งต่อผลิตภัณฑ์และบริการ สร้างความสุขที่ยั่งยืน

4758 จำนวนผู้เข้าชม  | 

BCP ย้ำ ยังไม่มีแผนเพิกถอน EESO ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมให้คำมั่น ส่งต่อผลิตภัณฑ์และบริการ สร้างความสุขที่ยั่งยืน


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการชำระราคาในการซื้อขายหุ้น บมจ. เอสโซ่ ประเทศไทย (ESSO) จำนวน 2,283.75 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 65.99% ของหุ้นทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 9.8986 บาท คิดเป็นมูลค่าธุรกรรมทั้งสิ้น 22,605.93 ล้านบาท ให้กับ ExxonMobil Asia Holding เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยใช้วงเงินสินเชื่อจาก บมจ. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เพียง 5,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 17,605.96 ล้านบาท ใช้กระแสเงินสดของบริษัทฯ และพร้อมเดินหน้าทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือ (Tender Offer) อีก 34.01% จากผู้ถือหุ้นรายย่อย ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน จนถึงวันที่ 12 ตุลาคมนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังไม่มีแผนจะเพิกถอน ESSO ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 1 ปีข้างหน้า เพราะพอใจกับการถือหุ้นในสัดส่วน 65.99% แล้ว  

ประการสำคัญ บริษัทฯ พร้อมให้ความมั่นใจทุกฝ่ายว่า ธุรกรรมครั้งนี้จะสามารถสร้าง synergy จากศักยภาพที่เกื้อหนุนกัน ช่วยสร้างความมั่นคงและความแข็งแกร่งด้านพลังงานทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค ทำให้คนไทยเข้าถึงแหล่งพลังงานได้ดีขึ้น พร้อมกับผลักดันให้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) เพิ่มขึ้นปีละ 3,000 ล้านบาท จากการเข้าดำเนินงานโรงกลั่นน้ำมัน กำลังการผลิตวันละ 174,000 บาร์เรล เครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมัน ESSO ทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง ได้ทันที ทำให้กลุ่มบริษัทบางจาก มีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดในประเทศ เกือบ 300,000 บาร์เรล จากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกอีก 2 แห่ง คือโรงกลั่นบางจาก พระโขนง และศรีราชา สามารถดำเนินธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น โดยได้ประโยชน์ทั้งจากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันและกัน การมีทางเลือกในการจัดหาน้ำมันดิบที่หลากหลายมากขึ้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกัน

 



ขณะที่การให้บริการด้านการตลาด จะสามารถส่งต่อบริการให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 2,200 แห่ง อีกทั้งผลิตภัณฑ์ และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน แบรนด์ ESSO จะเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์บางจาก ซึ่งบริษัทฯ พร้อมให้ความมั่นใจประชาชนเลยว่า น้ำมันทุกประเภทที่จำหน่ายในทุกสถานีบริการ เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้รับการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเกรดพรีเมียมของบางจาก ทั้งแก๊สโซฮอล์ และดีเซล ยังได้มาตรฐานยูโร 5 ทำให้มีค่าออกเทนและซีเทนสูงกว่ามาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน

ส่วนสถานีบริการ ESSO เดิม จะทยอยเปลี่ยนป้ายสถานีเป็นบางจาก ภายใน 2 ปี และจะมีการต่อยอดสำหรับการพัฒนาสถานีบริการน้ำมันใหม่ๆ ในอนาคตให้สอดคล้องกัน ตามคอนเซปต์ "Together To Greater" การผสานสองพลังที่ยิ่งใหญ่ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า สังคม สิ่งแวดล้อม และภาพรวมของธุรกิจพลังงานในประเทศด้วย

 



สำหรับลูกค้า ESSO ซึ่งเป็นสมาชิกบัตรเอสโซ่สไมลส์ ยังสามารถสะสมคะแนน และแลกคะแนนได้อีก 1 ปีจนถึงวันที่ 31 สิงหาคมปีหน้า ภายใต้บัตรเดิม หรือสามารถโอนคะแนนสะสมมาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ โดยจะได้รับคะแนนโบนัสพิเศษเพิ่ม 100 คะแนน หากทำการโอนย้ายคะแนนภายในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้  

ขณะที่สมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์ นอกจากจะสามารถนำคะแนนสะสมจากการเติมน้ำมันและซื้อสินค้าในเครือบางจาก มาใช้เป็นส่วนลดหรือทำประโยชน์อื่นๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตนแล้ว ยังสามารถรับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น คืนเป็นคะแนนพิเศษเพิ่ม เมื่อเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับขึ้นราคา และยังร่วมบริจาคเงินจากการสะสมคะแนนให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่กลุ่มบางจาก ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วย

 


โอกาสนี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP ให้ข้อมูลด้วยว่า การลงทุนครั้งนี้คาดว่า  จะคืนทุนได้ภายใน 5 ปี โดยบริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จาก ESSO ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป และพร้อมบันทึกกำไรพิเศษจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์เข้ามาเพิ่มในไตรมาส 3 เช่นกัน

ส่วนปีหน้า คาดว่า บริษัทฯ จะมียอดขายเพิ่มจาก 3.8 แสนล้านบาท ในปีนี้ เป็น 5.0 แสนล้านบาท ด้วยส่วนแบ่งตลาด 30% เป็นรอง บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เพียง 10% 

สำหรับงบลงทุน บริษัทฯ ยังคงงบลงทุนไว้ราว 2 แสนล้านบาท เพื่อรองรับแผนธุรกิจช่วง 5 ปี (2566-70) ใช้ในปีนี้กว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อรองรับแผนลงทุนในธุรกิจขุดเจาะและสำรวจแหล่งปิโตรเลียมในสัดส่วน 30% ใช้ลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานในสัดส่วน 30% รวมถึงใช้รองรับแผนลงทุน ESSO และแผนลงทุนโรงกลั่นเพิ่มอีก 1 แห่ง ในสัดส่วน 30% ที่เหลืออีก 10% ใช้รองรับการขยายธุรกิจของบริษัทย่อย ทั้ง บมจ.บีซีพีจี (BCPG) และ บมจ. บีบีจีไอ (BBGI) 


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้