1843 จำนวนผู้เข้าชม |
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) เปิดเผยว่า การเปิดเสนอขายหุ้นสามัญเป็นครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 292 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.40 บาท ระหว่างวันที่ 13-15 กันยายนที่ผ่านมา ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น ตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการเป็นหมายเลข 1 ในการให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) ของไทย และอันดับ 6 ของโลก ทั้งเส้นทางไทย-อเมริกาเหนือ เส้นทางไทย-เอเชีย และเส้นทางไทย-ยุโรป ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการส่งออกและนำเข้าของการค้าโลก ประกอบกับแผนลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อขยายการให้บริการให้ครอบคลุมไปในภูมิภาคอาเซียน ทำให้เชื่อมั่นว่า SINO จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนได้ในระยะยาว
ด้านนางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี (J Capital) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เสริมว่า การตั้งราคา IPO มีความเหมาะสม เพราะได้ประเมินจากสถานการณ์ค่าระวางที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้ไว้แล้ว ถือได้ว่ามีส่วนลดในระดับหนึ่ง เพราะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของค่าระวางเกิดขึ้นในปัจจุบันแล้ว อีกทั้งช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของทุกปี จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ จะสั่งสินค้าเพื่อเตรียมจำหน่ายในช่วงเทศกาล จึงทำให้ความต้องการขนส่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้น สนับสนุนให้ SINO สามารถผลักดันผลดำเนินงานให้เติบโตอย่างชัดเจน ตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า จึงมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุน เพราะความเสี่ยงขาลง (Downside) มีอย่างจำกัดแล้ว
ประการสำคัญ การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ ครั้งนี้ จะช่วยให้ SINO มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนแผนการรุกขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคอาเซียน และช่วยเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น จึงมั่นใจว่า SINO จะไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน
ส่วนนายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) ชี้แจงถึงกลยุทธ์สร้างการเติบโตหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า พร้อมเดินหน้าเข้าลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจ Freight Forwarding ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพในการแข่งขันในการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศในระยะยาว ครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทางทะเล ทางอากาศ หรือทางบก รวมถึงเข้าลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจจัดการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศ (Air Freight) และการขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ เพื่อตอบสนองการให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศ และข้ามแดนระหว่างประเทศแก่ลูกค้าได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เข้าข่ายหุ้นเติบโต (Growth stock) และเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
พร้อมกันนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมยังสมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่หุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกด้วย
สำหรับบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ 8 แห่ง ประกอบด้วย บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) บมจ. หลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน (KCS) บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) บมจ. หลักทรัพย์ ดาโอ ประเทศไทย (DAOL) บมจ. หลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) บมจ. หลักทรัพย์ อาร์เอชบี ประเทศไทย (RHBS) บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBX) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) ที่มองว่า แม้ผลกระทบจากค่าระวางและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วง 6-7 เดือนปีนี้ จะกดดันให้ผลดำเนินงานปีนี้ของ SINO ต่ำกว่าปีก่อน แต่การที่บริษัทฯ มีการลงทุนตู้คอนเทนเนอร์อย่างหลากหลาย ทั้งตู้บรรจุของเหลว (ISO Tank Container) และตู้ควบคุมอุณหภูมิ ( Reefer Container) ล่วงหน้า นอกจากจะช่วยลดผลกระทบจากค่าระวางผันผวน และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจรมากขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ผลดำเนินงานปีนี้ออกมาดีกว่าอุตสาหกรรมในอีกทางหนึ่งด้วย ก่อนจะเห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 2 ปีข้างหน้า (ปี 2567-68) เติบโตเฉลี่ยเกินปีละ 30% หนุนจากแผนธุรกิจเดิม และแผนธุรกิจใหม่ ทำให้มีการประเมินราคาเหมาะสมปีนี้เฉลี่ยที่ 2.10 - 2.20 บาท