GULF มั่นใจรายได้ปี 2568 เพิ่ม 25% ตามแผน หลังไตรมาสแรกผลงานโต YoY และ QoQ ตามคาด

2024 จำนวนผู้เข้าชม  | 

GULF มั่นใจรายได้ปี 2568 เพิ่ม 25% ตามแผน หลังไตรมาสแรกผลงานโต YoY และ QoQ ตามคาด


 

 

บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 38.3% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยหากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% YoY และเพิ่มขึ้น 12% QoQ  เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น 71.5% YoY และ 28.7% QoQ เป็น 3.1 พันล้านบาท หลักๆ มาจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก INTUCH ซึ่งรับรู้ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก บมจ. แอ๊ดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)

นอกจากนี้ ธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติยังเติบโตขึ้น โดยไตรมาสแรกปีนี้เป็นไตรมาสแรกที่บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรเต็มไตรมาส ครบทั้ง 4 หน่วยของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 2,650 เมกะวัตต์ (MW) และยังรับรู้ผลกำไรเต็มไตรมาสของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหินกอง (HKP) ครบทั้ง 2 หน่วย คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 1,540 MW โดยหน่วยที่ 2 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่เดือนมกราคม อีกทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลม GGC ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นตามความเร็วลมที่เพิ่มขึ้นมาก รวมถึงการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ กำลังการผลิตรวม 532 เมกะวัตต์ (MW) ช่วยชดเชยปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้ากลุ่ม GSRC และ GMP ตามแผนงานได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 0.2% YoY และ 13.8% QoQ ขึ้นมาเป็น 32,343 ล้านบาท

โอกาสนี้ นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน ออกมาให้ความมั่นใจนักลงทุนว่า น่าจะเห็นการเติบโตของรายได้ปีนี้เติบโตประมาณ 25% ตามแผนที่วางไว้ จากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าใหม่ กำลังการผลิตรวมกว่า 1,500 MW รวมถึงโครงการ Solar Rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 100 MW หนุนจากการขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มลูกค้าครัวเรือนและที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการวันอาทิตย์

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson กำลังการผลิต 1,200 MW ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป จากค่าพลังไฟฟ้า (CP) ที่สูงขึ้นมาก โดยราคาประมูล CP ล่าสุดในตลาด PJM (Mid-Atlantic & Midwest) เพิ่มขึ้นจากราว 29 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ MW-day เป็น 270 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ MW-day สำหรับช่วงวันที่ 1 มิถุนายน จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคมปีหน้า ผลักดันให้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้นในโครงการ (ในสัดส่วน 49%) ราว 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 700 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป 

สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค โครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนายังคงเป็นไปตามแผน โดยโครงการทางหลวงพิเศษ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) มีกำหนดเปิดดำเนินการปีนี้ ก่อนจะเปิดดำเนินการสายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ในปีหน้า ขณะที่โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ปัจจุบันได้ดำเนินการถมทะเลเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และมีแผนจะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ในเวลาไล่เลี่ยกับที่จะเริ่มก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ที่ต้องรอการส่งมอบพื้นที่จากการท่าเรือแห่งประเทศไทยให้แล้วเสร็จก่อน

ส่วนธุรกิจก๊าซ พร้อมเพิ่มปริมาณการนำเข้า LNG เป็น 4-5 ล้านตัน เพื่อให้อสดคล้องกับความต้องการใช้ผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC GPD HKP และ SPP รวม 19 โครงการ และให้บริการลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ช่วยต่อยอดการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังจะรับรู้รายได้จาก shipper fee เพิ่มขึ้น จากการให้บริการทางเรือรวม 70 ลำ หลังจากช่วง 4 เดือนแรกของปี มีการนำเข้า LNG ทางเรือแล้ว 19 ลำ หรือประมาณ 1.3 ล้านตัน

ขณะที่ธุรกิจดิจิทัล มีแผนเปิดให้บริการ Data center เฟสแรกขนาด 25 เมกะวัตต์ (MW) ในเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนขยายขนาดการให้บริการเพิ่มเป็น 100-200 MW ภายใน 3 ปีข้างหน้า ต่อด้วยการเปิดให้บริการธุรกิจ cloud ที่บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped ในครึ่งปีหลัง เพื่อรองรับความต้องการในการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับทั้งภาครัฐและภาคองค์กร

โดยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องไปกับแผนขยายธุรกิจในอนาคต และแผนและชำระคืนเงินกู้ และหุ้นกู้ที่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอน วงเงิน 185,550 ล้านบาท บริษัทฯ เตรียมขอมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ที่จะจัดในวันที่ 30 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เพื่อขออนุมัติวงเงินออกและเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 300,000 ล้านบาท ประเดิมออกหุ้นกู้ปีนี้อีกประมาณ 20,000 – 30,000 ล้านบาท ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ก่อนจะทยอยออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่องช่วง 5-10 ปีข้างหน้า

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้