SAV ดิ่งเกือบ 20% ในการซื้อขายวันแรก ก่อนดีดขึ้นมายืนเหนือ17 บาท แต่ยังต่ำจอง

3988 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SAV ดิ่งเกือบ 20% ในการซื้อขายวันแรก ก่อนดีดขึ้นมายืนเหนือ17 บาท แต่ยังต่ำจอง


การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนที่ได้หุ้นจอง เมื่อราคาหุ้นยืนต่ำจองทั้งวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 18.80 บาท ต่ำกว่าราคาจองที่ 19 บาท 20 สตางค์ มีแรงซื้อหนุนราคาไต่ขึ้นไปแต่จุดสูงสุดในรอบวันที่ 19.10 บาท แต่หลังจากนั้น เริ่มมีแรงขายกดราคาหุ้นกระจายตัวออกมา สวนทางแรงซื้อที่บางเบา ส่วนหนึ่งเกิดจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส กดให้ราคาหุ้นปรับฐานลงมากระทั่งปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 15.30 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 19.74% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,266 ล้านบาท

แต่ไม่ว่าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร นายธีระชัย พงศ์พนางาม กรรมการผู้จัดการใหญ่ SAV ยังคงยืนยันว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บมจ. สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART) ถือหุ้นครบทั้งจำนวน เพราะมั่นใจในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การอยู่ในทำเลศูนย์กลางการบินในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่สูง ผลักดันให้บริษัทฯ มีโอกาสเติบโตสูงใน 3 ปีนี้ จากความได้เปรียบในการเป็นผู้ให้บริการวิทยุการบินเพียงรายเดียวในกัมพูชา ไม่มีคู่แข่ง วัดได้จากผลดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ที่รายได้รวมเติบโตจากปีก่อนหน้าเกือบ 3 เท่าตัว จาก 459.04 ล้านบาท ในปี 2564 มาอยู่ที่ 1,220.07 ล้านบาท หนุนให้กำไรสุทธิเพิ่มจาก 74.35 ล้านบาท ในปี 2564 มาที่ 199.55 ล้านบาท ส่วนผลดำเนินงานงวด 6 เดือนปีนี้ มีรายได้รวมอยู่ที่ 710.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 114 ล้านบาท 

นอกจากนี้ การนำเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนใหญ่ไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงินทั้งหมด ทำให้บริษัทฯ ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย เพิ่มโอกาสในการต่อยอดการเติบโตในอนาคต รวมถึงการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตรา 50% ของกำไรสุทธิ โดยมีแผนจ่ายปันผลสำหรับงวดครึ่งปีแรก ในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 3.95% จากราคา IPO คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้

 



ขณะเดียวกัน ทางที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น ออกมาย้ำว่า  การที่โครงสร้างรายได้ของ SAV กว่า 49% มาจากการขึ้น-ลงจอดของเครื่องบินในกัมพูชา (Landing & Take-off) ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ ขณะที่อีก 51% มาจากเที่ยวบินที่ผ่านน่านฟ้าประเทศกัมพูชา (Overflight) และ 74% มาจากสายการบินในภูมิภาคอาเซียน ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินกำไรสุทธิ 3 ปีนี้ (ปี 2566-68) เติบโตอย่างแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการเปิดสนามบินใหม่อีก 3 แห่งภายในปีหน้า จากปัจจุบันที่มี 6 แห่ง โดยให้ราคาเหมาะสมปีหน้า ไม่ต่ำกว่า 25 บาท ทำให้มีแรงซื้อ และแรงเก็งกำไร กระจายตัวเข้ามา ดันราคาหุ้นให้ดีดขึ้นมายืนเหนือ 17 บาท ได้ตลอด 3 วันทำการต่อมา แต่ก็ยังต่ำกว่าราคาจองที่ 19 บาท 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้