JMART ย้ำ ไตรมาส 3 ผลงานโดยรวมเริ่มฟื้นแล้ว ปีหน้าพร้อม come back

4946 จำนวนผู้เข้าชม  | 

JMART ย้ำ ไตรมาส 3 ผลงานโดยรวมเริ่มฟื้นแล้ว ปีหน้าพร้อม come back


นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ ได้พิสูจน์ให้นักลงทุนเห็นแล้วว่า สามารถจัดการปัญหาภายใน และปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจได้แล้วเสร็จ โดยเฉพาะกรณีของ บมจ. ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) และ บมจ. เอสจี แคปปิตอล (SGC) ที่สามารถพลิกฟื้นผลดำเนินงานจากขาดทุนติดต่อกันตลอด 2 ไตรมาสแรก มาเป็นกำไรได้ในไตรมาส 3 ตอกย้ำให้เห็นว่า ผลดำเนินงานสามารถก้าวผ่านจุดต่ำสุด (bottom out) ในไตรมาส 2 ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เชื่อมั่นว่า จะเห็นผลดำเนินงานมีการพัฒนาดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ต่อเนื่องปีข้างหน้า ขับเคลื่อนจาก บมจ. เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) และ บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท (J) ที่จะมีกำไรดีต่อเนื่อง

โดย JMT รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 466.3 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) 2.4% ขณะที่งวด 9 เดือนปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,470.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% YoY ส่วน J โชว์กำไรสุทธิงวดไตรมาส 3 ที่ 129.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 617.2% YoY และงวด 9 เดือนปีนี้ มีกำไรสุทธิ 134.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.7% YoY และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นในปีหน้า

ขณะเดียวกัน การลงทุนในสุกี้ตี๋น้อย (TEENOI) ยังสร้างผลกำไรได้เพิ่มขึ้นทุกเดือน โดยในงวดไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 255 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 676 ล้านบาท จากการขยายสาขาเพิ่มเป็น 50 สาขา และจะเพิ่มเป็น 55 สาขา ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ รวมถึง Synergy ที่ทำกับพันธมิตรหลายรายพร้อมจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากขึ้นเป็นลำดับ และสนับสนุนให้กลุ่ม JMART เติบโตทำ New High ได้ในปีหน้า พร้อมสร้างฐานการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว

โอกาสนี้ นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT ชี้แจงว่า หลังจากยอดจัดเก็บกระแสเงินสดในไตรมาส 3 ลดลงเล็กน้อย YoY มาอยู่ที่ 1,330 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดจัดเก็บกระแสเงินสดงวด 9 เดือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY มาเป็น 4,260 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ แต่เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน ทำให้เชื่อมั่นว่า จะสามารถจัดเก็บกระแสเงินสดได้ดีขึ้นไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เช่นเดียวกับการลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มเติมในไตรมาสสุดท้าย หลังจากสิ้นไตรมาส 3 มีการซื้อหนี้เข้ามาแล้ว 6,302 ล้านบาท ส่งผลให้พอร์ตหนี้ล่าสุดสูงเกิน 1 แสนล้านบาท และมั่นใจโค้งสุดท้ายของปีไฮซีซั่นของการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร ทำสถิติ All Time High หนุนให้ผลดำเนินงานปีหน้าเติบโตโดดเด่นกว่าปีนี้

 



ส่วนนายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J บอกว่า การที่ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ เติบโตดี มีสาเหตุหลักจากรายได้ค่าเช่า และค่าสาธารณูปโภคในโครงการ JAS Green Village คู้บอน และ JAS Urban ศรีนครินทร์ เติบโตเพิ่มขึ้น และการรับรู้รายได้จากโครงการ Senera Senior Wellness จากการส่งมอบพื้นที่ให้ Senera ViMUT Health Service ส่วนในปีหน้า การพัฒนาโครงการ JAS Green Village 3 แห่งที่รามคำแหง ประเวศ และขอนแก่น กับโครงการ Senera Senior Wellness ที่ทำร่วมกับ บมจ. บางกอกเชน ฮอสปิทอล (BCH) จะช่วยหนุนให้รายได้เติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าปีนี้

ขณะที่นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SINGER และนายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ SGC บอกว่า การที่ทั้ง 2 บริษัทฯ มุ่งเน้นบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ และควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร มาอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้เชื่อมั่นว่า จะไม่มีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่แล้ว ส่งผลให้พร้อมเดินหน้าสร้างฐานการเติบโตครั้งใหม่ เห็นผลชัดเจนในปีหน้า

สำหรับความเห็นของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากหลายสำนัก คิดตรงกันว่า น่าจะเห็นโมเมนตัมกำไรของ JMART กลับมาฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ก่อนฟื้นตัวอย่างโดดเด่นในปีหน้าจริง แต่เนื่องจากตลาดมีการปรับลดประมาณการกำไรของ JMT ลงมา ส่งผลให้มีการปรับลดมูลค่าเหมาะสมของ JMT ลงมาจากค่าเฉลี่ยเดิมที่ 55 บาท ลงมาเหลือ 36 บาท ทำให้กลยุทธ์การลงทุน JMART อาจเน้นเล่นรอบ (trading) เพื่อรอภาพการฟื้นตัวของ JMT ที่ชัดเจนก่อน 

โดย KGI ยังคงราคาเป้าหมายปีหน้าของ JMART ที่ 25.75 บาท ขณะที่ ASPS ปรับลดราคาลงมาจาก 24 บาท เหลือ 23.60 บาท    

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้