SINO มั่นใจผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายโตเด่น พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจต่างประเทศปั้นผลงานระยะต่อไป

1815 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SINO มั่นใจผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายโตเด่น พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจต่างประเทศปั้นผลงานระยะต่อไป


บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ มีรายได้จากการให้บริการ 480 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) สาเหตุจากบริษัทฯ สามารถเพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าเป็น 12,500 ตู้ เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มี 9,700 ตู้ จากการนำเสนอการให้บริการกับลูกค้าผู้นำเข้าโดยตรงที่ต่างประเทศมากขึ้น แต่การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก ค่าระวางเรือที่ลดลงตามกลไกตลาด และการอ่อนค่าของเงินบาท กดดันให้กำไรสุทธิปรับลดลง 67.1% QoQ มาอยู่ที่ 7.2 ล้านบาท และส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ปรับลดลง 91.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) มาอยู่ที่ 53 ล้านบาท ตามรายได้จากการให้บริการที่หดตัว 74.9% มาอยู่ที่ 1,320 ล้านบาท

ทั้งนี้ รายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล มีสัดส่วนสูงถึง 88.9% ของรายได้ทั้งหมด รองลงไปเป็นรายได้จากการให้บริการเช่าคลังสินค้า 5.7% รายได้จากการให้บริการสนับสนุนอื่นๆ 4.7% ขณะที่รายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ (Air Freight) อยู่ที่ 0.8% ส่งผลให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) เส้นทางไทย-อเมริกา เป็นอันดับ 4 ของโลก จากเดิมที่อยู่ในอันดับที่ 6 

สำหรับภาพรวมไตรมาสสุดท้ายปีนี้ นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SINO บอกว่า มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จากการที่แนวโน้มค่าระวางเรือและความต้องการสินค้ามีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นตามไฮซีซั่นของการส่งออก อย่างไรก็ดี บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อสนับสนุนการให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคู่ไปกับการเพิ่มเครือข่าย และขยายช่องทางทำธุรกิจไปยังต่างประเทศให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าให้ได้ 40,000 ตู้ รองรับการเติบโตในระยะกลางถึงยาว

ซึ่งแผนขยายช่องทางทำธุรกิจในต่างประเทศ มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมเรียบร้อยแล้ว เมื่อบริษัทฯ ได้เข้าร่วมทุนกับพันธมิตรในธุรกิจ Freight Forwarding ในมาเลเซีย จัดตั้งบริษัท SINO WORLDWIDE LOGISTICS โดยบริษัทฯ ถือห้นใหญ่ในสัดส่วน 51% จากทุนจดทะเบียน 9 แสนริงกิตมาเลเซีย และกำลังอยู่ในระหว่างศึกษารายละเอียดของการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางเอเชีย - ทวีปอเมริกาเหนือ สนับสนุนขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว สอดคล้องกับแผนผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (HUB) การขนส่งสินค้าทางทะเลให้แก่กลุ่มอาเซียนไปยังอเมริกา

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทย่อย อินเตอร์ คอนเนคชั่นส์ โลจิสติกส์ (ICL) เพื่อเดินหน้าแผนขยายพื้นที่รับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ที่จังหวัดระยอง ซึ่งให้บริการตู้บรรจุของเหลว (ISO Tank) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย 


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้