4874 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจาก บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ ทำรายได้ 2,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) หนุนให้กำไรสุทธิ ขยายตัว 71% YoY มาอยู่ที่ 328 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 30 ไตรมาสอีกครั้ง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เติบโตขึ้นเป็น 25% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 20% ผลักดันให้ผลงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้ 5,939 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และ 80% YoY ตามลำดับ สาเหตุจากความสำเร็จของธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศ เมื่อยอดขายชาเขียวพร้อมดื่มสร้างปรากฏการณ์ใหม่ โตแรงแซงตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ประเภทอื่น ทั้งด้านปริมาณ (Volume) และมูลค่า (Value) สะท้อนผ่านข้อมูลจากตัวเลขค้าปลีกของบริษัท เดอะนีลเส็นคอมปะนี ประเทศไทย ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดชาพร้อมดื่มมีมูลค่า 12,329 ล้านบาท เติบโตมากถึง 18.75 % และมีผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 79% สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ จนผลิตไม่ทัน จำเป็นต้องส่งคำสั่งซื้อบางส่วนไปใช้บริการรับจ้างผลิต (OEM) รองรับยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากพันธมิตรรายใหญ่ แบรนด์ IF เพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะหนุนให้รายได้จากการรับจ้างผลิตน่าจะทำรายได้ทะลุเป้า 100 ล้านบาทได้แน่นอน ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มเย็นเย็น น้ำด่าง และสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพในกลุ่มเพื่อสุขภาพ (Healthy Trend) และเครื่องดื่มน้ำอัดลมสไตล์เกาหลีน้องใหม่ ตันซันซู มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โอกาสนี้ นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ ICHI ออกมาประกาศปรับเป้ารายได้ใหม่เป็นแตะ 8,000 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อน 26% ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเห็นกำไรสุทธิแตะ 1,000 ล้านบาท อีกครั้งในรอบ 9 ปี จากแรงหนุนของยอดขายที่เติบโต การบริหาร Product Mix ที่ดี และการบริหารต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญ ICHI ได้มีการติดตั้งไลน์การผลิตใหม่เพื่มกำลังการผลิตอีกปีละ 200 ล้านขวด คาดจะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ช่วยให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็นปีละ 1,700 ล้านขวด สามารถรองรับโอกาสขยายตลาดใหม่ๆ และความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งในเบื้องต้น บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าที่ 8,800 ล้านบาท เติบโตจากปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10% ใกล้เคียงกับการเติบโตของตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม โดยคาดอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูงไม่ต่ำกว่าปีนี้ และเพิ่มกำไรขั้นต้น (GPM) ให้สูงขึ้นจากที่ทำได้ 25% ในปีนี้ ก่อนเดินหน้าขยายยอดขายเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2568
การปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายปีนี้ ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มีการศึกษาหุ้น ICHI ค่ายทิสโก้ (TSC) กับหยวนต้า (YUANTA) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ และปีหน้าขึ้นในกรอบ 68-73% และ 13-14% ตามลำดับ เพราะคิดตรงกันว่า การเติบโตของตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในประเทศ และการออกสินค้าใหม่ที่ได้รับการตอบรับดี จะทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัทฯ อยู่ในระดับสูงไม่ต่ำกว่าปีนี้ และต้องจ้างบุคคลภายนอกช่วยผลิตบางส่วน อีกทั้ง GPM คาดจะสูงขึ้น จากการลดความหนาของขวดพลาสติก และรับรู้ผลของราคาต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่ลดลงได้เต็มปี ส่งผลให้ปรับราคาเหมาะสมใหม่เป็น 22 บาท และ 18.40 บาท พร้อมแนะนำ "ซื้อ" เพื่อลุ้น capital gain และอัตราเงินปันผลที่คาดจะสูงระดับ 5-6% ซึ่งได้มีการจ่ายระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 3.4% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมาไปแล้ว
นอกจากนี้ ราคาหุ้นอาจมี upside เพิ่ม หากผลกระทบจากภาวะเอลนีโญส่งผลให้อากาศร้อนกว่าปกติ เป็นปัจจัยหนุนให้ยอดขายเติบโตสูงเหมือนในปีนี้
อย่างไรก็ตาม การที่ผลดำเนินงานงวดไตรมาสสุดท้ายปีนี้ของ ICHI มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากไตรมาส 3 (QoQ) เพราะไม่มีคำสั่งซื้อค้างส่งมอบ อีกทั้งมีการปิดซ่อมเครื่องจักร 1 ไลน์การผลิตในเดือนตุลาคม ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตมีแนวโน้มชะลอตัวลง ประกอบกับบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มขึ้น จากการเปิดตัวตันซันซูตัวใหม่ กดดันให้ GPM มีแนวโน้มอ่อนตัวลงมาต่ำกว่า 25% ที่ทำได้ในไตรมาส 3 และเนื่องจากฐานที่สูงในปีนี้ น่าจะสร้างแรงกดดันให้กำไรปีหน้ามีแนวโน้มเติบโตเป็นเลขหลักเดียว ส่งผลให้กรุงศรี พัฒนสิน (KCS) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (CGS-CIMBS) และไพ (Pi) แนะนำให้ทยอยซื้อสะสม เพื่อรับเงินปันผลสำหรับรอบบัญชีครึ่งหลังปีนี้ ที่คาดจะจ่ายในอัตรา 3-4% และยังคาดหวัง upside ที่จะเปิดกว้างจากผลกระทบของภาวะเอลนีโญที่กดดันให้สภาพอากาศร้อนมากขึ้น
ในเบื้องต้น ค่ายสีเหลืองประเมินราคาเป้าหมายปีหน้าไว้สูงถึง 20.50 บาท ขณะที่อีก 2 ค่ายที่เหลือ ให้ราคาที่ 18.30 บาท และ 18 บาท ตามลำดับ