GFC มั่นใจ ผลงาน 2-3 ปีหน้า All time High ต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็น Growth stock หลัง 9 เดือนปีนี้สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

บมจ. เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ (GFC) หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการสำหรับผู้มีบุตรยากแบบครบวงจรในประเทศไทย ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ มีรายได้รวมที่ 87.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 8.1% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 37.9% YoY และเพิ่มขึ้น 33.7% QoQ มาอยู่ที่ 20.59 ล้านบาท ทำสถิติกำไรสูงสุดรายไตรมาส สาเหตุจากบริษัทฯ มีรายได้จากการฝากไข่เพิ่มขึ้น หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น ช่วยผลักดันให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ ทำสถิติสูงสุด (All Time High) เป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดดำเนินการ โดยมีกำไรสุทธิ 54.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% YoY ตามรายได้รวมที่ขยายตัว 28.0% YoY มาอยู่ที่ 254.42 ล้านบาท จากความสำเร็จในการส่งเสริมการขายและทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามารับบริการรักษาผู้มีบุตรยากมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นในผลสำเร็จในการรักษา

สำหรับแนวโน้มธุรกิจโค้งสุดท้ายปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GFC ชี้แจงว่า ความสำเร็จในปีนี้ เกิดจากบริษัทฯ สามารถเพิ่มศักยภาพการให้บริการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เข้ารับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก ทั้งการเพิ่มจำนวนแพทย์สำหรับรองรับคนไข้ที่เข้ารับการรักษา การจัดเตรียมห้องบริการคนไข้ในช่วงเวลาเข้ามารับบริการ การจัดตารางคิวเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้คนไข้ระหว่างเข้ารับบริการ ทำให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น และยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์การมีบุตรยากในไทย และทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งภาครัฐยังมีนโยบายผลักดันให้การส่งเสริมการมีบุตรเป็น "วาระแห่งชาติ" เพื่อแก้ปัญหาอัตราการเกิดใหม่ที่ลดลง พร่อมกับเร่งผลักดันยุทธศาสตร์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ทำให้เชื่อมั่นว่า ความต้องการของลูกค้าที่จะเข้ามารับการรักษาการมีบุตรยากกับบริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ประการสำคัญ แผนเปิดให้บริการคลีนิก สาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 และสาขาอุบลราชธานี คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการในช่วงปลายไตรมาสแรกหรือต้นไตรมาส 2 ปีหน้า ทำให้บริษัทฯ สามารถให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพทั่วประเทศมากขึ้น โดยโครงการสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 จะเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงเทพฯ สู่การยกระดับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น ด้วยการเริ่มเปิดรับลูกค้าต่างประเทศ มีการยกระดับห้องวิจัยและห้องปฏิบัติการสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย ห้องประชุมสัมมนาวิชาการทางการแพทย์ และศูนย์ฝึกอบรมนักเทคนิคการแพทย์ภายในของกลุ่มบริษัท (In-house training) ช่วยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการได้อย่างประทับใจมากขึ้น

ส่วนสาขาอุบลราชธานี เป็นโซนที่มีจำนวนผู้เข้ารับการรักษาสูงไม่ต่างจากกรุงเทพฯ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากในพื้นดังกล่าว และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านได้อีกด้วย ขณะที่สาขาพระราม 3 ยังคงเป็นทำเลที่มีศักยภาพความแข็งแกร่งสำหรับรองรับการให้บริการอยู่แล้ว ทำให้เชื่อมั่นว่า จะเห็นการเติบโตของธุรกิจแบบก้าวกระโดดในระยะเวลาอันใกล้ ตอกย้ำการป็นหุ้นเติบโต (Growth Stock)

และเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุน และผู้ถือหุ้น ให้เห็นถึงศักยภาพการเป็น Growth Stock บริษัทฯ เตรียมจ่ายปันผลเป็นครั้งแรก โดยจ่ายจากผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ และกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ก่อนจ่ายเงินปันในวันที่ 12 ธันวาคมตามมา