NER ปรับเป้ารายได้เพิ่มเป็น 2.8 หมื่นล้านบาท ปัจจัยบวกเพียบ แม้ปริมาณขายจะลดลง

บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลางทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2567 ว่า มีกำไรสุทธิ 478.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสแรก (QoQ) แต่หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติจะอยู่ที่ 492 ล้านบาท ลดลง 3% YoY แต่เพิ่มขึ้น 4% QoQ โดยการลดลง YoY เกิดจากกำไรขั้นต้นที่ลดลง ตามปริมาณขายที่ลดลง 30% จากสถานการณ์ภัยแล้งทำให้ผลผลิตยางไทยออกมาน้อยลง กดดันให้ยอดขายยางแท่ง ทั้ง STR20 และ STR-Mixture ในตลาดต่างประเทศลดลง ส่งผลให้รายได้รวมลดลง 11% ทั้ง YoY และQoQ มาอยู่ที่ 5,809.2 ล้านบาท ส่วนการเพิ่มขึ้น QoQ สาเหตุจากกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น จากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 12% เป็นกิโลกรัมละ 64 บาท

ขณะที่ผลดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีรายได้จากการขายลดลงเล็กน้อย 3.6% มาอยู่ที่ 12,351.07 ล้านบาท สาเหตุจากปริมาณขายที่ลดลง 20.2% YoY โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ แต่ชดเชยได้บางส่วนจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 12% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 932.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.84% YoY และพร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีมาตลอด ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 23 สิงหาคมนี้ ก่อนจ่ายเงินปันผลตามมาในวันที่ 6 กันยายน

พร้อมกันนี้ นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER ยังออกมาให้ความมั่นใจด้วยว่า ผลดำเนินงานครึ่งปีหลังมีแนวโน้มจะสดใสมากขึ้นจากครึ่งปีแรก หนุนจากทั้งราคายางที่ยังยืนประคองตัวระดับสูง และปริมาณผลผลิตที่จะเริ่มออกมามากขึ้น สอดคล้องกับคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่ครอบคลุมถึงไตรมาสสุดท้ายของปีแล้ว ทำให้ปรับเป้ายอดขายทั้งปีขึ้นเป็น 28,000 ล้านบาท แม้จะต้องปรับลดปริมาณขายลงจาก 5.0 แสนตัน เหลือ 4.4 แสนตัน จากผลกระทบภัยแล้งในครึ่งปีแรกก็ตาม

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมส่งออกยางแท่งเกรด EUDR ล๊อตแรกให้กับบริษัทยางของจีน จำนวน 1-2 พันตัน อย่างช้าที่สุดในเดือนกันยายนนี้ ทำให้คาดว่าจะสามารถส่งออกยาง EUDR ปีนี้รวม 4-5 พันตัน