20 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) แต่ลดลง 36.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) โดยการลดลง YoY มีสาเหตุหลักจากยอดขายในตลาดต่างประเทศที่ยังชะลอตัว โดยเฉพาะในตลาดยุโรปที่ยังชะลอตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 จากการที่ผู้จัดจำหน่าย (Distributor) ยังมีสต็อกสินค้าในระดับสูง และเริ่มเห็นการชะลอตัวในตลาดอเมริกาเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส อีกทั้งมีการสต็อกสินค้าล่วงหน้าก่อนช่วงรอมฏอนในภูมิภาคตะวันออกกลาง และอาเซียนบางประเทศ กดดันให้รายได้จากการขายในตลาดต่างประเทศลดลง 51% YoY เหลือ 747 ล้านบาท ทั้งที่ยอดขายในประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 26.6% แตะ 396 ล้านบาท รับผลสำเร็จจากการขยายช่องทางจำหน่าย ผ่านช่องทางค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 6 รายการ จำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่หลากหลายได้อย่างครอบคลุม ขณะที่การเพิ่มขึ้น QoQ ได้อานิสงค์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับลดลง โดยเฉพาะน้ำตาลและเม็ดพลาสติกที่ใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดีต่อเนื่อง ช่วยให้รักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ 46% อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE เชื่อว่า ผลดำเนินงานไตรมาสแรกจะเป็นจุดตํ่าสุดของปี เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายในตลาดต่างประเทศหลายแห่ง โดยเฉพาะตลาดยุโรป ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเริ่มเห็นระดับสินค้าคงคลังกลับสู่ภาวะปกติได้ในไตรมาส 2 นี้ ขณะเดียวกัน การปรับกลยุทธ์มาเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า โดยนำเอาความต้องการของตลาดมาใช้ประกอบการวางแผนจำหน่ายให้สอดรับกับแต่ละภูมิภาค พร้อมกับร่วมทำงานกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิด ทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้า และกระตุ้นยอดขายในตลาดต่างประเทศให้ฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยคาดยอดขายในภูมิภาคเอเชียเติบโต 5% ภูมิภาคอเมริกาและตะวันออกกลางที่ 10% เท่ากัน ส่วนตลาดในประเทศเติบโต 15% มียกเว้นตลาดยุโรป ที่อาจเห็นยอดขายชะลอตัว แต่ไม่เกิน 10% พร้อมกับสนับสนุนให้รายได้จากการขายทั้งปีเติบโตจากปีก่อน 5% ตามแผนที่วางไว้
ส่วนผลกระทบจากมาตรการภาษีของผู้นำอเมริกา ยังไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัทฯ เนื่องจากการส่งออกไปอเมริกามีสัดส่วนไม่เกิน 5% ของรายได้รวม แต่ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนรับมือให้ทันการณ์ รวมถึงขยายโอกาสในตลาดที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง