MASTER มั่นใจ รายได้และกำไรครึ่งปีหลังโตเด่น หลังไตรมาสแรกผิดคาดตลาด

บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) ผู้นำอุตสาหกรรมความงามในไทยและเอเชีย รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 55.77 ล้านบาท ลดลง 47.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุจากการมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มขึ้น 33.3% โดยเฉพาะค่าโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ที่สูงขึ้น เนื่องจากต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าเพื่อให้สอดคล้องเกณฑ์ใหม่ที่แพทยสภาประกาศใช้ในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายพนักงานฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายที่สูงขึ้น และยังมีค่าที่ปรึกษาที่เกี่ยวกับการบันทึกส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วม (PPA) เพิ่มเติมเข้ามา กดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงจาก 58% มาที่ 55% ทั้งที่รายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลยังเติบโตได้ 1.3% เป็น 474.33 ล้านบาท แม้จะเป็น Low Season ของธุรกิจ หนุนจากรายได้จากการศัลยกรรมลูกค้าต่างประเทศที่เติบโต 26.5% มาที่ 129.4 ล้านบาท หลักๆ จากลูกค้าชาวอินโดนีเซีย ส่งผลให้สัดส่วนลูกค้าต่างชาติเพิ่มเป็น 27% รองลงไปเป็นหัตถการสุขภาพชาย และการปลูกผมและดูแลเส้นผมที่เพิ่มขึ้นเกือบ 47%

อย่างไรก็ตาม นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER ยังเชื่อมั่นว่า จะสามารถเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศให้ขยับแตะระดับ 40% ของรายได้รวม ตามแผนงานที่วางไว้ จากการรุกขยายฐานลูกค้าในตลาดที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา หรือจีน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความต้องการบริการด้านสุขภาพและความงามระดับพรีเมียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในต่างประเทศมากขึ้น และเพื่อร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรทำการตลาด โดยอาศัยจุดแข็งจากความเชี่ยวชาญในหลายเซกเมนต์ของ MASTER ที่ทำให้ลูกค้าต่างชาติให้ความเชื่อถือและไว้วางใจมาโดยตลอด มาปรับรูปแบบการให้บริการให้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เพื่อผลักดันการเติบโตของรายได้ โดยจะเห็นผลชัดเจนในครึ่งปีหลัง

ขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกิดในไตรมาสแรกจะเป็นปัจจัยชั่วคราว และเริ่มเห็นการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ ช่วยผลักดันให้กำไรเติบโตตามไปด้วย โดยตั้งเป้ากำไรสุทธิปี้นี้ขยายตัวจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 15%