UAC โกยรายได้ไตรมาสแรก 475 ล้านบาท ตุนกระแสเงินสด พร้อมไถ่ถอนหุ้นกู้ครบกำหนด มิ.ย. นี้ และรับมือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

 

บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 43.42 ล้านบาท ลดลง 28.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุจากไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุน บีบีจีไอ ไบโอดีเซล (BBGI-BI) เหมือนไตรมาสแรกปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ได้ขายหุ้นทั้งหมดไปในไตรมาสสุดท้ายปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ กลับทำรายได้จากการดำเนินงานได้เพิ่มขึ้น 7.78% เป็น 475.88 ล้านบาท นำโดยกลุ่มธุรกิจ Manufacturing -Energy ที่สามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ SHT และโรงไฟฟ้าเสาเถียร และกลุ่มธุรกิจ Trading ที่ได้แรงหนุนจากยอดขายสินค้าในกลุ่มปิโตรเลียม โรงกลั่น และกลุ่มส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกำไรที่เป็นเงินสด (EBITDA) ซึ่งใช้เป็นตัววัดความสามารถในการทำกำไร อยู่ที่ 95.26 ล้านบาท และหนุนให้กระแสเงินสดสิ้นไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเป็น 1,015.29 ล้านบาท พร้อมนำไปไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนนี้ มูลค่ารวม 500 ล้านบาท ช่วยลดสัดส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) ให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากสิ้นไตรมาสแรกที่อยู่ในระดับ 0.99 เท่า

โอกาสนี้ นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ UAC ได้ออกมาชี้แจงว่า พอใจกับผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกที่ทำได้ตามเป้าที่วางไว้ ก่อนจะเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 จากการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าภูผาม่าน เฟส 2 และโครงการผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF3) ในอินโดนีเซีย รวมถึงการขายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งผลิตปิโตรเลียม จ. สุโขทัย

ขณะเดียวกัน ความสำเร็จในไตรมาสแรกยังพิสูจน์ให้เห็นถึงการจัดโครงสร้างทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีการบริหารต้นทุน และจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว จากผลกระทบของมาตรการภาษีของอเมริกา ซึ่งในช่วงที่เหลือของปี บริษัทฯ พร้อมเกาะติดสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ปรับตัวและวางกลยุทธ์ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ สามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง