SAPPE เชื่อ จะเริ่มเห็นกำไรฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไปในครึ่งหลังปี 2568 หลังไตรมาส 2 ยอดขายฟื้นชัดเจน

1364 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SAPPE เชื่อ จะเริ่มเห็นกำไรฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไปในครึ่งหลังปี 2568 หลังไตรมาส 2 ยอดขายฟื้นชัดเจน




บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก (QoQ) แต่ลดลง 39.6% จากไตรมาส 2 ปีก่อน (YoY) โดยกำไรที่ลดลง YoY มีสาเหตุจากยอดขายที่ลดลง 22.5% โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 71% ของยอดขายรวม อีกทั้งยังถูกกระทบจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงขึ้น และเงินบาทแข็งขึ้นกว่า 10% กดดันให้รายได้จากการขายชะลอตัวลงมาที่ 1,548 ล้านบาท ส่วนการเติบโต QoQ ได้แรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 35.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค จากฐานที่ต่ำในไตรมาสแรก รวมถึงการที่บริษัทฯ สามารถแก้ไขปัญหาสต็อกสินค้าคงค้าง ทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง และอินโดนีเซียได้สำเร็จลุล่วงในไตรมาสแรก ทำให้คำสั่งซื้อกลับมาเป็นปกติ ถึงแม้จะถูกบั่นทอนจากค่าเงินบาทแข็ง กดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 46.0% ลงมาเหลือ 44.3% ก็ตาม

สำหรับผลดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 472 ล้านบาท ลดลง 38.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามรายได้จากการขายที่ลดลง 39.6% มาอยู่ที่ 2,690 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE มั่นใจว่า จะเริ่มเห็นยอดขายในตลาดต่างประทศฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง จากการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดในอนาคต (Scenario Planning) ควบคู่ไปกับการรุกตลาด ผ่านการใช้ภาพยนตร์โฆษณารูปแบบสั้นที่เป็น Global Campaign เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ Gen Z ในตลาดที่มีศักยภาพ หลังจากประสบผลสำเร็จอย่างล้นหลามในตลาดอเมริกาและสหราชอาณาจักรมาแล้ว และการหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เพื่อลดความผันผวนจากตลาดต่างประเทศ เตรียมรุกขยายส่วนแบ่งตลาดในประเทศให้เพิ่มขึ้น หลังจากเห็นสัญญาณที่ดีในไตรมาส 2 เมื่อยอดขายเติบโตแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ ผ่านการสื่อสารคุณประโยชน์ของสินค้า และความคุ้มค่าอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงการทยอยออกสินค้าใหม่ที่สอดคล้องกับกระแสนิยมอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานผู้บริโภคให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อสร้างการรับรู้ (Awareness) การมีส่วนร่วม (Engagement) และการมีความภักดีต่อแบรนด์ (Loyalty) ให้แข็งแกร่งมากขึ้น

ส่วนกรณีที่อเมริกาประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าในอัตรา 19% จะมีผลกระทบต่อบริษัทฯ จำกัด เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกมีไม่เกิน 5% ของรายได้รวม



Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้