HL พร้อมซื้อหุ้นคืน 19 พ.ค.นี้ ตอกย้ำความมั่นใจรายได้ทั้งปีโต 15-20% ตามแผน

บมจ. เฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรก ปี 2568 มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 18.11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 8.22% จากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) มาอยู่ที่ 569.80 ล้านบาท หนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ หลักๆ มาจากกลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กลุ่มสินค้าสุขภาพสําหรับใช้ภายนอกร่างกาย และกลุ่มสินค้าบริโภค การเปิดสาขาใหม่  1 แห่ง ภายใต้แบรนด์ฟาร์แมกซ์ ทำให้จำนวนร้านขายยาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มเป็น 65 สาขา และการได้ประโยชน์จากโครงการ E-Receipt ของรัฐบาลสนับสนุนอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทฯ มีการขยายสาขาในปีก่อนมากถึง 14 สาขา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น จึงกดดันให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเพียง 10.1% YoY แต่ลดลง 34.4% QoQ มาอยู่ที่ 20.46 ล้านบาท   

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) จำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.51% ของหุ้นทั้งหมด เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 18 พฤศจิกายนปีนี้ คิดเป็นวงเงินรวมไม่เกิน 100 ล้านบาท เพื่อให้นักลงทุนมีความมั่นใจในศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับบริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) และกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นตามมา

พร้อมกันนี้ ภก. ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL ได้เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือของปีด้วยว่า พร้อมเดินหน้ากระตุ้นยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการวางกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ควบคู่ไปกับการขยายสาขาเพิ่มเป็น 78 สาขา และการทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างครอบคลุม หลังจากนำร่องด้วยสเปรย์สารสกัดจากสมุนไพรที่ช่วยลดการสะสมของเชื้อไวรัส Herbal Mouth Spray Q Brand ของบริษัทย่อย เฮลทิเนส ซึ่งเริ่มวางตลาดช่วงปลายไตรมาสแรก และมีแผนจะกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งร้านขายยาของบริษัทฯ และร้านค้าทั่วไป ก่อนต่อยอดด้วยตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสุขภาพสําหรับใช้ภายนอกร่างกาย อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ดูแลเส้นผม ช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้ทั้งปีให้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้