SCL มั่นใจ รายได้ปีนี้เข้าเป้า ความต้องการอะไหล่ในตลาดรถยนต์ที่มีอายุเกิน 5 ปี ยังแข็งแกร่ง

บมจ. เอส.ซี.แอล. มอเตอร์พาร์ท (SCL) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 13.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 65.7% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ผลจากการลดลงของต้นทุนการเงิน และการมีอะไหล่รถยนต์ โดยเฉพาะอะไหล่ทดแทน (Replacement Parts) เพียงพอกับความต้องการซ่อมบำรุงรถยนต์ที่มีอายุเกิน 5 ปี ซึ่งยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามปริมาณรถยนต์สะสมในประเทศที่มีมากกว่า 20 ล้านคัน ผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 0.8% YoY และ 15.3% YoY มาอยู่ที่ 471.6 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.8%

ผลดำเนินงานไตรมาสแรกที่ออกมาดี ทำให้นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCL เชื่อมั่นว่า การเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ภายใต้แบรนด์ของค่ายรถยนต์ชั้นนำต่างๆ (Genuine Parts) และอะไหล่ทดแทนจากผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้มาตรฐาน ครอบคลุมกว่า 192,000 รายการ พร้อมการวางระบบการจัดการภายในศูนย์กระจายสินค้าที่ทันสมัย จะช่วยผลักดันให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับความต้องการอะไหล่เพื่อซ่อมบำรุงจากตลาดรถยนต์ภายในประเทศ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ และเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทฯ ได้อย่างเข้มแข็ง เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของตลาดส่งออก หรือตลาดรถใหม่ซึ่งถูกกดดันจากจากนโยบายสินเชื่อที่เข้มงวดแต่อย่างใด เฉพาะปีนี้ น่าจะเห็นรายได้เติบโตแตะ 2,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราขยายตัวจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 15% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 

และเพื่อต่อยอดการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว บริษัทฯ ได้รุกเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการเริ่มเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้าบางรายการแล้ว และมีแผนจะขยายประเภทสินค้าเพิ่มเติม เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ