COCOCO ย้ำ ผลงานไตรมาสแรกเป็นจุดต่ำสุดของปี    

656 จำนวนผู้เข้าชม  | 

COCOCO ย้ำ ผลงานไตรมาสแรกเป็นจุดต่ำสุดของปี    




ดร. วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยนางสาวพัฒรา ทัศจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและสารสนเทศ และนางสาวนภัสสร ยุตินทร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บมจ. ไทย โคโคนัท (COCOCO) ร่วมนำเสนอข้อมูลผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่บริษัทฯ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยยืนยันเป้ายอดขายทั้งปีที่ 10,000 ล้านบาท ก่อนเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท ในปีหน้า ขับเคลื่อนจากแผนเพิ่มกำลังการผลิตที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเดินหน้าขยายตลาด เพิ่มช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น สามารถต่อยอดไปในทุกผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่ม นำโดยน้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์จากกะทิ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์กลุ่มขนมจากมะพร้าว หรืออาหารสำเร็จรูป (Thai Premium Street Food) รวมถึงออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเพิ่มเติม เช่น ชาไทย ชาเขียว ชาไต้หวัน และน้ำมะพร้าวอัดแก๊ส (Sparking Coconut Water) ที่มีกระแสความนิยมสูง ควบคู่ไปกับการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในระยะยาว ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ควบคุมต้นทุนอย่างเข้มข้น ภายใต้การดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 64.86 ล้านบาท ลดลง 68.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และลดลง 22.5% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยการลดลง QoQ เป็นผลจาก Low Season ของธุรกิจเครื่องดื่มตามปัจจัยฤดูกาล ทำให้ยอดสั่งซื้อจากลูกค้าในบางตลาดปรับลดลงชั่วคราว ส่งผลให้รายได้จากการขายและบริการลดลง 11.3% ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2 และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง แต่การลดลง YoY กลับมีสาเหตุจากอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ลดลงจาก 26.7% เหลือ 18.0% อันเนื่องมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์กะทิที่สูงเกินคาด ทำให้มีภาระต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ ถึงแม้ยอดขายทุกผลิตภัณฑ์จะเติบโตดีขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 11.6% มาอยูที่ 1,532.33 ล้านบาท และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจลงทุนในฟิลิปปินส์ ทั้งเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และลดความผันผวนของราคาวัตถุดิบ พร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการบริหารต้นทุนวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และขยายโอกาสทางธุรกิจในระยะกลางถึงยาว จากกำลังการผลิตสูงสุดของผลิตภัณฑ์กะทิที่เพิ่มจากปีละ 99,000 ตัน เป็นปีละ 155,000 ตัน เริ่มเห็นผลตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2569




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้