1591 จำนวนผู้เข้าชม |
นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ พร้อมด้วยนางสาวศิริลักษณ์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน นายสุกันย์ ทำผล ผู้ช่วยประธานอาวุโส สายธุรกิจโรงงานอาหารครบวงจร ด้านไก่ นายภุชงค์ พรหมชาติ ผู้ช่วยประธานกลุ่มธุรกิจสุกรครบวงจรประเทศไทย และนางสาวช่อมาศ เหลืองคำชาติ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสบริหารการลงทุนและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จัดขึ้นที่ห้องประชุมชั้น 9 Room 2 อาคารชินวัตร 3 เมื่อเร็วๆ นี้ ชี้แจงแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2 ปีนี้ว่า มีสัญญาณการเติบโตดีขึ้นจากไตรมาสแรก จากหลายปัจจัยหนุน ทั้งราคาสุกรและไก่ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน สวนทางต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลงจากปีก่อน การเติบโตของยอดขายจากธุรกิจค้าปลีก ผ่านร้านไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต ที่ทำรายได้ต่อวันต่อสาขาเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแผนขยายสาขาเพิ่มจากปีก่อนเกือบ 200 สาขา เป็น 600 สาขา อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนใหม่จากการที่จีน และสหภาพยุโรป ประกาศระงับนำเข้าเนื้อไก่จากบราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่สุดของโลก เป็นเวลา 60 วัน หลังพบการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรง (HPAI) ในฟาร์มแห่งหนึ่ง ช่วยผลักดันยอดส่งออกไก่ไปจีนและยุโรปให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในไตรมาส 2-3 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผลดำเนินงานทั้งปีเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 17,728.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แม้จะลดลง 1.2% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยการลดลง QoQ มีผลจากปริมาณขายสุกรและไก่ในประเทศที่ลดลง เนื่องจากราคาขายที่สูงขึ้น ส่วนการเพิ่มขึ้น YoY เป็นผลจากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไก่ ธุรกิจสุกร ธุรกิจอาหารสัตว์ หรือธุรกิจค้าปลีก โดยธุรกิจไก่ได้แรงหนุนจากราคาขายที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ส่วนธุรกิจสุกรในเวียดนามได้แรงหนุนทั้งจากราคาขายและปริมาณขาย สำหรับธุรกิจสุกรในประเทศได้แรงหนุนจากราคาขายที่สูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นเป็น 430 สาขา และรายได้ต่อวันต่อสาขาที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการด้านจัดซื้อวัตถุดิบและสินค้าคงเหลือ และบริหารจัดการค่าขนส่งได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 8.6% ในไตรมาสแรกปีก่อน และ 14.8% ในไตรมาสสุดท้ายปีก่อน ขึ้นมาอยู่ที่ 21.2% สูงเกินตลาดคาด ผลักดันให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,072.4% YoY และเพิ่มขึ้น 138.2% QoQ มาอยู่ที่ 2,032.6 ล้านบาท ทำสถิติกำไรรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) พร้อมกับจ่ายเงินปันผลจากผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรก ในอัตราหุ้นละ 0.075 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 27 พฤษภาคมนี้ ก่อนจ่ายเงินตามมาในวันที่ 11 มิถุนายน