1403 จำนวนผู้เข้าชม |
ผศ. ดร. ศิริรักษ์ ขาวไชยมหา รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน พร้อมด้วยนางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ บมจ. ชูวิทย์ฟาร์ม 2019 (CFARM) ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จากสำนักงานใหญ่บริษัทฯ เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อชี้แจงแผนธุรกิจในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้ พร้อมกับรายงานความคืบหน้าแผนลงทุนโครงการฟาร์มไก่ไข่ และฟาร์มโคนม สรุปได้ว่า แผนลงทุนโครงการฟาร์มไก่ไข่ มูลค่า 119.7 ล้านบาท บนที่ดินของบริษัทฯ ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเลี้ยงไก่ไข่ จำนวน 200,000 ตัว แบบยืนกรง (caged layer) ภายใต้โมเดลธุรกิจ Contract Farming เหมือนธุรกิจไก่เนื้อ ล่าสุด กำลังอยู่ในขั้นตอนการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้เป็นครั้งแรกภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ตามแผนที่วางไว้ ขณะที่แผนลงทุนโครงการฟาร์มโคนม มีความคืบหน้าแล้วประมาณ 20% โดยกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมกับการผลิตน้ำนมคุณภาพสูง รวมถึงศึกษาระบบการเลี้ยงโคนม และจัดหาโคนมพันธุ์ดี จำนวน 1,250 ตัว เพื่อนำมาเลี้ยงในฟาร์ม คาดว่าจะสามารถนำเข้าโคนมได้ช่วงปลายไตรมาส 3 และเริ่มรีดนมดิบล็อตแรกได้ในไตรมาสแรกปีหน้า ช่วยต่อยอดรายได้ให้เติบโตแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากธุรกิจไก่ไข่มีอัตรากำไรที่ 7-8% เท่าธุรกิจไก่เนื้อ ขณะที่ธุรกิจฟาร์มวัวนมจะสร้างรายได้มากกว่าธุรกิจฟาร์มไก่เนื้อถึง 2 เท่า เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้แบบรายวัน แตกต่างจากธุรกิจฟาร์มไก่ที่รับรู้ตามรอบเลี้ยง ก่อนจะเดินหน้าแผนพัฒนาแบรนด์ของบริษัทฯ เอง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจในระยะยาว
ขณะที่แผนธุรกิจตลอดทั้งปี บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงไก่เนื้อให้สูงเกินค่าเฉลี่ยตลาด โดยมีอัตราการรอดเกินกว่า 96% และมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยที่ 2.8–3.0 กิโลกรัม ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรให้สูงขึ้น จากต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลง เพราะบริษัทฯ ยังคงมีกำลังการผลิตเท่าเดิมที่รอบละ 3.18 ล้านตัว หรือปีละ 15.88 ล้านตัว พร้อมกับเดินหน้าทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน เพื่อสร้างรายได้ที่มีความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 7.5 แสนบาท และมีรายได้รวม 50.15 ล้านบาท ลดลง 4.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แบ่งเป็นรายได้การขายผลิตผลพลอยได้ (ขี้ไก่) 1.40 ล้านบาท และรายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อ 48.08 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากปริมาณขาย 3.96 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกปีก่อนราว 1 ล้านตัว โดยมีรอบระยะเวลาการเลี้ยงที่สั้นลง อย่างไรก็ดี อัตราการเลี้ยงรอดและน้ำหนักตัวไก่เฉลี่ยกลับยังทำได้ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีอัตราการเลี้ยงรอดที่ 95.1% และน้ำหนักตัวเฉลี่ยที่ 2.72 กิโลกรัม