SORKON ไตรมาสแรกรายได้โต 20% พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

1431 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SORKON ไตรมาสแรกรายได้โต 20% พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน


 

 

นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศ บมจ. ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ (SORKON) ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์รายใหญ่ของไทย ร่วมกันเปิดเผยแผนธุรกิจช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือปีนี้ ว่า ยังคงเดินหน้ายุทธศาสตร์เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการบูรณาการการบริหารจัดการภายในเครือ ทั้งเพื่อสร้างความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพบุคลากรและสินทรัพย์ต่างๆ ให้พร้อมสำหรับการขยายโอกาสทางธุรกิจในทุกรูปแบบในระยะต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของทุกกลุ่มธุรกิจหลัก หรือการต่อยอดสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายได้อย่างครอบคลุม ผ่านช่องทางจำหน่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับยกระดับแบรนด์ ส. ขอนแก่น ให้เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทยในระดับสากล ทั้งในแง่รสชาติแบบไทยแท้ คุณค่าทางโภชนาการ และความสะดวก เป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ  

โดยการขยายตลาดต่างประเทศ จะเน้นรุกตลาดที่มีศักยภาพสูง และกระแสนิยมอาหารเอเชียมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อย่างภูมิภาคอเมริกา ยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักร ทั้งในรูปแบบ B2C และ B2B โดยกลุ่ม B2C จะมีการเปิดไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มอาหารพร้อมทาน (Ready to Eat -RTE) ภายใต้แบรนด์ SOR KHONKAEN ซึ่งจะใช้ทำการตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ ประเดิม 4 เมนูแรก ได้แก่ ข้าวต้มปลากะพง ห่อหมกปลากะพง แกงจืดสาหร่ายลูกชิ้นปลา และต้มยำปลากะพง ผ่านการจับมือกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อวางจำหน่ายในห้างค้าปลีกต่างประเทศ ขณะที่กลุ่ม B2B จะเน้นเจาะกลุ่มธุรกิจบริการอาหาร (Food Service) เน้นตลาดที่มีร้านอาหารไทยอยู่เป็นจำนวนมาก

สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 57.5 ล้านบาท เติบโต 271.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุจากการเติบโตในธุรกิจหลัก ทั้งกลุ่มอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ (มีสัดส่วนรายได้ถึง 51.9%) ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากการใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขาย และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมมากขึ้น และสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น 10.3% เท่ากับกลุ่มอาหารทะเลแปรรูป (มีสัดส่วนรายได้ 33%) ที่ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มรายได้และอัตรากำไรให้สูงขึ้น ตามมาด้วยธุรกิจฟาร์มสุกร (สัดส่วน 12.5%) ที่ได้ปัจจัยหนุนทั้งจากราคาขาย และปริมาณขายที่สูงขึ้น ผลักดันให้รายได้เติบโต 92%และสนับสนุนให้รายได้จากการขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 20% เป็น 881.4 ล้านบาท ขณะเดียวกัน การที่บริษัทฯ ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยังทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิโดยรวมเพิ่มจาก 3.4% ขึ้นมาที่ 6.1%

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้