GCAP ได้พันธมิตรจีนช่วยปั้นรายได้จากธุรกิจโดรนโดยสาร เติมเต็มแผนเติบโตรอบใหญ่จากเกาะเต่า Lifestyle Complex

นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. จี แคปปิตอล (GCAP) เปิดเผยแผนธุรกิจในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือปีนี้ว่า บริษัทฯ ยังคงเน้นสร้างการเติบโตในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร พร้อมกับเดินหน้าธุรกิจที่ไม่ใช่การให้สินเชื่อ (Non-Lending Business) อย่างเต็มที่ เพื่อสร้าง New S-Curvbe จาก 2 โครงการสำคัญ คือ การเปิดให้บริการแอปพลิเคชั่น เกษตรแมทช์ชิ่ง เพื่อเป็นช่องทางติดต่อระหว่างผู้ประกอบการเจ้าของรถเกี่ยวข้าว หรือข้าวโพด ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ กับเกษตรกรรายย่อยที่ต้องการจ้างเครื่องจักรไปเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้เข้าถึงบริการรับจ้างเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทันเวลาในราคาที่เป็นธรรม ภายในไตรมาส 3 ที่จะถึงนี้ และการนำนวัตกรรมโดรนโดยสาร (Passenger Drone) มาช่วยพัฒนาโครงการสนามบินส่วนบุคคลบนเกาะเต่าให้สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะโดรนโดยสารจะใช้พื้นที่น้อยกว่าการสร้างรันเวย์สนามบิน ส่งผลให้มีการปรับคอนเซ็ปต์โครงการใหม่ ให้เป็นศูนย์รวมโรงแรมและกิจกรรมท่องเที่ยวครบวงจร (Koh Tao Lifestyle Complex) ภายในโครงการประกอบด้วย โรงแรม ลานจอดโดรนโดยสาร พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ลานกิจกรรมเอนกประสงค์ และกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัย (Adventure) ซึ่งบริษัทฯ พร้อมเปิดกว้างการรับพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนในพื้นที่โครงการ

ซึ่งล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท แอเรียล ซี เวนเจอร์ส ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโดรนโดยสาร และเทคโนโลยีการบินของจีน จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อให้บริการอากาศยานไร้คนขับเพื่อการท่องเที่ยวและการขนส่งเป็นครั้งแรกในไทย ภายใต้ชื่อบริษัท เต่า เอเอเอ็ม (TAO AAM) โดยบริษัทฯ ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 51% คาดว่าการจัดตั้งบริษัทจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ ต่อจากนั้น บริษัทร่วมทุนจะส่งนักบินและวิศวกรการบินไปฝึกอบรมด้านการบินโดรนโดยสาร และดำเนินการสั่งซื้อโดรนโดยสารจาก Ehang ผู้นำโดรนโดยสารและเทคโนโลยีการบินระดับโลก สัญชาติจีน รวมถึงขอใบอนุญาตด้านการบินจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ตลอดจนทดสอบความปลอดภัยในการบิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยมีแผนจะเพิ่มประเภทการให้บริการโดรนเพื่อการขนส่งเพิ่มเติม เช่น การขนส่งทางการแพทย์ การขนส่งพัสดุ การขนส่งสินค้าอาหาร และขยายขอบเขตการให้บริการไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีศักยภาพในอนาคต ช่วยขับเคลื่อนผลดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 0.16 ล้านบาท ลดลง 96.6% จากไตรมาสแรกปีก่อน จาก 2 สาเหตุ ประการแรก ราคาพืชผลทางการเกษตรในไตรมาสแรกปีนี้ปรับลดลงจากไตรมาสแรกปีก่อน อีกทั้งความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ทำให้เกษตรกรชะลอซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรออกไป ส่งผลให้สินเชื่อรวมลดลง ฉุดให้รายได้รวมลดลง 19.7% มาอยู่ที่ 35.95 ล้านบาท ประการที่สอง การที่พื้นที่การเกษตรบางแห่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้ลูกหนี้ทยอยชำระเงินค่างวดบางส่วน ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดเพิ่มขึ้น 3.77 ล้านบาท จากไตรมาสแรกปีก่อน ซึ่งเป็นผลกระทบชั่วคราว และบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการได้