1051 จำนวนผู้เข้าชม |
ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน และเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ยกระดับผลดำเนินงานให้เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และได้เข้าร่วมลงทุนกับ TESS Holdings พันธมิตรที่ยาวนานของบริษัทฯ ร่วมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Kagoshima Oura Mega Solar ในเมืองคาโนยะ จังหวัดคาโกชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 85.28 ล้านเยน หรือประมาณ 19.27 ล้านบาท
โครงการดังกล่าว มีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 8.02 เมกะวัตต์ (MW) เริ่มก่อสร้างช่วงเดือนธันวาคม ปี 2566 แล้วเสร็จและส่งมอบงานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้เริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับบริษัท Kyushu Electric Power ด้วยสัญญาระยะเวลารวม 18 ปี 1 เดือน โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ FiT ในอัตราหน่วยละ 36 เยน คาดว่า จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีหน้าเป็นต้นไป ผล้กดันให้ผลดำเนินงานเติบโตดีขึ้น
การลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ตามเป้าหมายเป็นผู้นำในการลดคาร์บอนและขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาด ในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่ยั่งยืน
สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 137 ล้านบาท ลดลง 58.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลักๆ จากรายได้เงินอุดหนุนส่วนเพิ่มจากราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) จากโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศ ในอัตราหน่วยละ 8 บาท ได้สิ้นสุดลงครบท้้ง 36 โครงการ ในปีก่อนหน้า กดดันให้รายได้จากธุรกิจผลิตและขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม ลดลง 37% มาอยู่ที่ 388.9 ล้านบาท ทั้งที่ยอดขายไฟฟ้าโดยรวมจะสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 7.9 ล้านหน่วย มาอยู่ที่ 102.1 ล้านหน่วย สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ พร้อมมองโอกาสลงทุนเพิ่มเติม ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อหารายได้ใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยผลักดันผลดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความมั่นคงยั่งยืนในอนาคต