1567 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 8.2% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาส ตามการเติบโตทั้งในธุรกิจสินเชื่อ และประกันภัย ผลักดันให้รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิเพิ่มขึ้น ตามการขยายสินเชื่อเพิ่ม 2.8% YoY และ 1.1% QoQ เป็น 1.05 แสนล้านบาท และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่เพิ่มขึ้น 10.6% YoY และ 1.2% QoQ มาอยู่ที่ 994 ล้านบาท หลักๆ จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย อีกทั้งการบริหารจัดการต้นทุนและความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อ (Credit Cost) ลดลงจาก 3.6% ในไตรมาส 2 ปีก่อน และ 3.0% ในไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 2.6% ขณะที่หนี้เสีย (NPL) สามารถควบคุมได้ที่ 1.8% ใกล้เคียงไตรมาส 2 ปีก่อน และไตรมาสแรกปีนี้
ขณะเดียวกัน การที่ต้นทุนการเงินลดลงเร็วกว่าคาด ทำให้อัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 20 Basis points จากไตรมาสแรก และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก จากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในครึ่งปีหลังนี้ ช่วยผลักดันให้ผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก กำไรสุทธิเติบโต 14% YoY มาอยู่ที่ 2,509 ล้านบาท ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น 10% เป็น 14,788 ล้านบาท และการควบคุมคุณภาพหนี้ที่ดีต่อเนื่อง ช่วยให้ผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) ลดลง แต่เพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ บริษัทฯ ได้มีการกันสำรองเพิ่ม ทำให้ Coverage ratio สูงขึ้น YoY และ QoQ เป็น 262%
โอกาสนี้ นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR ได้ออกมายืนยันแผนธุรกิจครึ่งปีหลังว่า พร้อมขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างระมัดระวังต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโต 6% ใกล้เคียงกับปีก่อน ควบคู่ไปกับการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และจัดเก็บหนี้ให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุม NPL ให้ต่ำกว่า 2.0% และมี Credit cost ลดลงจาก 3.0% ลงมาอยู่ในกรอบ 2.5-3.0% ขณะที่ธุรกิจประกันภัย ตั้งเป้าการเติบโตทั้งปีเป็นเลขสองหลัก
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเร่งขยายสาขาเพิ่มอีก 200-300 แห่ง จากที่มีอยู่ 1,832 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางดิจิทัล อย่างบัตรติดล้อ ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่มีในครึ่งปีแรก 750,000 ใบ และเพิ่มบริการ E-Withdrawal เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อ คู่ขนานไปกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยวางงบลงทุนปีละ 300-400 ล้านบาท ตลอด 2-3 ปีนี้