CMAN เตรียมเปิดเกมบุกในครึ่งปีหลัง หลังครึ่งปีแรกเน้นรับสู้ความผันผวน ดันกำไรโตแกร่ง

บมจ. เคมีแมน (CMAN) ผู้ผลิตปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่อง ระดับโลก ภายใต้แบรนด์ CHEMEMAN ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ตามรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น 1.6% มาอยู่ที่ 950 ล้านบาท หลักๆ มาจากยอดขายปูนไลม์ในต่างประเทศที่สูงขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 65% ของยอดขายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับไตรมาสแรก (QoQ) กำไรสุทธิจะลดลง 17.7% ตามรายได้จากการขายและบริการที่ลดลง 7.6% QoQ ถูกกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 9.8% ฉุดให้รายได้จากการส่งออกลดลงเล็กน้อย อีกทั้งยังส่งผลให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จากเงินกู้ยืมระหว่างกันกับบริษัทย่อยในเวียดนาม จำนวน 52 ล้านบาท

สำหรับผลดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 1,978 ล้านบาท ใกล้เคียงครึ่งแรกปีก่อน (YoY) ส่วนกำไรสุทธิลดลง 9.9% YoY มาอยู่ที่ 238 ล้านบาท เนื่องจากมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 54 ล้านบาท แต่หากตัดรายการดังกล่าวออกไป กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 27.2% YoY มาอยู่ที่ 291 ล้านบาท

โอกาสนี้ หม่อมหลวงจันทรจุฑา จันทรทัต ประธานกรรมการ CMAN ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า พอใจกับผลดำเนินงานที่ออกมา เพราะในภาพรวม รายได้จากการขายและบริการ รวมถึงความสามารถทำกำไรยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ธุรกิจจะต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรง การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งเงินบาทยังแข็งค่าผิดปกติเมื่อเทียบกับพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกัน การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่รัดกุมรอบด้าน ช่วยให้สามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิได้ที่ 11.58% ใกล้เคียงกับครึ่งแรกปีก่อน ขณะที่การจัดการทางการเงิน ช่วยให้ต้นทุนทางการเงินลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 1.3 เท่า

ซึ่งบริษัทฯ พร้อมรักษาจุดแข็งในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง พร้อมกับทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการกระชับสายสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าและพันธมิตร เพื่อเพิ่มยอดขายปูนไลม์และแร่หินปูนเคมี ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมกับขยายฐานการตลาดให้ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในวงกว้างมากขึ้น และเร่งดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุนในเวียดนามเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทย่อย ลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อส่งมอบคุณค่าและผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้น