ICHI แจกปันผล 0.55 บาท ขึ้น XD 27 ส.ค. ก่อนลุยเพิ่มยอดขายครึ่งปีหลัง หลังได้กำลังใจจากยอดขายต่างประเทศไปได้สวย

บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 66% จากไตรมาสแรกปีนี้ (QoQ) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รายไตรมาส สาเหตุจากมีกําไรพิเศษจากการขายที่ดิน 120 ล้านบาท แต่หากตัดรายการดังกล่าวออกไป กำไรปกติจะอยู่ที่ 287 ล้านบาท ลดลง 17.2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 17.2% QoQ โดยกำไรที่ลดลง YoY มีผลจากยอดขายโดยรวมที่ลดลง 1.8% มาอยู่ที่ 2,263 ล้านบาท สาเหตุจากยอดขายในประเทศลดลง 9.3% ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ และฤดูฝนที่มาเร็วกว่าคาด ทำให้ยอดขายเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นลดลง แม้จะได้แรงหนุนจากยอดส่งออกที่สูงขึ้น จากธุรกิจรับจ้างผลิตน้ำมะพร้าวให้กับบริษัท Innovative Food and Beverage Holding (IFBH) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์น้ำมะพร้าว IF ที่ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ทั้งในตลาดจีนและฮ่องกง แต่ก็มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่า ฉุดให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 26.4% ในไตรมาส 2 ปีก่อน มาอยู่ที่ 24% ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เป็นไปตามยอดขายที่เติบโต 29.5% ทั้งจากตลาดในและต่างประเทศ และการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 24%

แต่เนื่องจากยอดขายในครึ่งแรกปีก่อนมีฐานที่สูง จากภูมิอากาศที่ร้อนกว่าปกติ จึงทำให้ยอดขายโดยรวมในครึ่งแรกปีนี้ ลดลง 9.8% มาอยู่ที่ 4,009.2 ล้านบาท และกดดันให้กำไรสุทธิลดลง 12.1% เหลือ 652.4 ล้านบาท กระนั้น บริษัทฯ พร้อมรักษาสถานะการเป็นหุ้นปันผล (Dividend Stock) ด้วยการจ่ายปันผลสำหรับผลดำเนินงานครึ่งปีแรก ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 27 สิงหาคมนี้ ก่อนจ่ายเงินปันผลตามมาในวันที่ 11 กันยายนที่จะถึงนี้   

พร้อมกันนี้ นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ ICHI ได้ออกมายืนยันด้วยว่า พร้อมผลักดันยอดขายในครึ่งปีหลังให้เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียว และไม่ใช่ชาเขียว เพื่อกระตุ้นยอดขายในประเทศให้สูงขึ้น เสริมเพิ่มจากการเก็บเกี่ยวผลบวกจากการนำ ตัน พาวเวอร์ เข้าไปจำหน่ายใน 7-Eleven เต็มไตรมาสครั้งแรกในไตรมาส 3 นี้ และการรักษาความเป็นผู้นำตลาดชาพรีเมียม ของแบรนด์ชิซึโอกะ รวมถึงการรุกตลาดต่างประเทศเต็มตัวขึ้น โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ผ่านการนำสินค้ากลุ่มชาเขียวบุกตลาด เพิ่มจุดกระจายสินค้าในเกาะสุมาตรา และจายาปูรา เพื่อเพิ่มยอดขายจากสินค้าขายดี ทั้งไทย มิ้ลค์ ที และ บราวน์ซูก้ามิ้ลค์ ควบคู่ไปกับการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตจากธุรกิจรับจ้างผลิตให้สูงขึ้น ทั้งจากลูกค้าหลักอย่าง IF และการเริ่มผลิตสินค้าให้กับ บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ก่อนขยายผลไปยังลูกค้าใหม่อีก 1-2 ราย

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้นจากที่ทำได้ 24% ในครึ่งปีแรก และมุ่งมั่นกับการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (GC) สร้างระบบการจัดการขวดพลาสติก PET อย่างครบวงจร ตั้งแต่รวบรวม คัดแยก ฆ่าเชื้อ ปั่นเป็นชิ้น ไปจนถึงการขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยการคงคุณภาพพลาสติกให้ดีอยู่เสมอ ผ่านโครงการอิชิตัน รีเซอเคิล (Ichitan ReCircle)