MALEE พร้อมเปิดเกมรุกดันผลงานครึ่งปีหลังพุ่ง ได้ใจยอดขายไตรมาส 2 ฟื้นจากไตรมาสแรก

1539 จำนวนผู้เข้าชม  | 

MALEE พร้อมเปิดเกมรุกดันผลงานครึ่งปีหลังพุ่ง ได้ใจยอดขายไตรมาส 2 ฟื้นจากไตรมาสแรก


 

 

บมจ. มาลี กรุ๊ป (MALEE) เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 81.1 ล้านบาท ลดลง 20%  จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่เพิ่มขึ้น 14.5% จากไตรมาสแรกปีนี้ (QoQ) โดยกำไรที่ลดลง YoY เกิดจากยอดขายโดยรวมที่ลดลง 8.1% มาอยู่ที่ 2,003.9 ล้านบาท ทั้งจากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ และผลไม้กระป๋องที่ชะลอตัว รวมถึงรายได้จากธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และรับจ้างผลิตที่ลดลงทั้งในและต่างประเทศ กดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 20.1% ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เป็นไปตามยอดขายที่เติบโต 10.1% หนุนจากธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และรับจ้างผลิต นำโดยผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่เติบโตแข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์กาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ที่เติบโตขึ้นทั้งจากการได้ลูกค้ารายใหม่และกระแสนิยมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์นมตัวใหม่ที่ช่วยให้ลูกค้าเดิมส่งคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น แต่ถูกบั่นทอนจากการให้ส่วนลดทางการค้าเพื่อส่งเสริมการขาย ฉุดให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 0.5% ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การอ่อนตัวของยอดขายในไตรมาสแรก กลายเป็นปัจจัยกดดันให้ยอดขายโดยรวมในครึ่งแรกปีนี้ ลดลง 12.6% จากครึ่งแรกปีก่อน มาอยู่ที่ 3,824.2 ล้านบาท พร้อมกับฉุดให้กำไรสุทธิลดลง 32.1% เหลือ 152 ล้านบาท ตามไปด้วย แต่การเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาดจีนและอเมริกา ผลิตภัณฑ์กาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม และผลิตภัณฑ์จากนม ที่เกิดในไตรมาส 2 กลับหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น 0.5% เป็น 20.3% ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะขยายฐานรายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อยกระดับผลดำเนินงานครึ่งปีหลังให้ดีกว่าครึ่งปีแรก

โดยนายเอกรินทร์ พินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MALEE ชี้แจงแผนธุรกิจครึ่งปีหลังว่า พร้อมทำการตลาดเชิงรุก เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่ม ผ่านการขยายช่องทางจำหน่ายให้ถึงมือผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น และทยอยเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เน้นไปที่สินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด และมีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น น้ำมะพร้าว เพื่อต่อยอดความเป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้ระดับพรีเมียม รวมถึงขยายพอร์ตโฟลิโอสู่ธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และรับจ้างผลิตสินค้าที่ครบวงจรและหลากหลาย เช่น นมจากพืช (Plant base milk) ผลิตภัณฑ์ที่นำนมวัวเป็นวัตถุดิบหลักไปแปรรูป (Dairy milk) ชาและกาแฟ รวมถึงให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่าย และต้นทุนการผลิต ให้มีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) อย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อเพิ่มอัตรากำไรในระยะสั้น และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้สูงขึ้นในระยะกลางถึงยาว

 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้