1278 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี (CHAO) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีรายได้จากการดำเนินงาน 340.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% จากไตรมาสแรก (QoQ) แต่ลดลงเล็กน้อย 0.8% จากไตรมาส 2 ปีก่อน (YoY) หลักๆ มาจากการเติบโตของยอดขายภายในประเทศ ซึ่งได้อานิสงค์จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดจำหน่ายสำหรับผู้ค้าส่งมาเป็นการจำหน่ายผ่านบริษัทฯ โดยตรง การขยายจำนวนร้านค้าในช่องทางการค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และการขยายช่องทางค้าปลีกใหม่ๆ เช่น กลุ่มร้านค้าเครือข่ายสินค้าสด (Fresh Product Chain Store) เน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ข้าวตัง
อย่างไรก็ตาม ยอดขายในตลาดต่างประเทศ กลับเติบโต QoQ แต่ลดลง YoY ถูกกดดันจากยอดขายในจีนที่ลดลง เนื่องจากอยูในช่วงเปิดตัวสินค้าใหม่ ถึงแม้ยอดขายสินค้าขนมขบเคี้ยวแปรรูปที่ทำจากธัญพืชในตลาดอเมริกาจะเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายช่องทางจำหน่ายไปยังเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย (Asian Chain Supermarket) ที่มีสาขามากกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ
ที่สำคัญ การเปิดตัวสินค้าใหม่ในจีน กลับทำให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและทำการตลาด สูงขึ้น 83.1% QoQ และ 207.3% YoY เป็นเกือบ 20 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวม (SG&A) ในไตรมาส 2 ดีดตัวขึ้น 3.6% QoQ และ 6.3% YoY เป็น 34.4% และหากคิดรวมผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะราคาสุกรซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอื่นๆ และค่าใช้จ่ายโรงงานที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น YoY และ QoQ กดดันให้อัตรากำไรสุทธิปรับลดลงจาก 9.5% ในไตรมาส 2 ปีก่อน และ 3.5% ในไตรมาสแรกปีนี้ ลงมาเหลือ 0.5% และฉุดให้กำไรสุทธิลดลง 85.6% QoQ และ 95% YoY เหลือ 1.7 ล้านบาท
กระนั้น นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAO มั่นใจว่า การปรับโครงสร้างช่องทางจัดจำหน่าย และการใช้จ่ายทางการตลาดที่สูง ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แบรนด์ และช่วยผลักดันรายได้ในครึ่งปีหลังให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เห็นผลตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ สร้างโอกาสต่อยอดการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนพัฒนาสินค้าใหม่ และขยายตลาดร่วมกับพันธมิตรในจีน และอเมริกา หรือการร่วมมือกับ บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู้ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ใช้ประโยชน์ด้านโลจิสติกส์ และจุดกระจายสินค้าร่วมกัน ทั้งเพื่อลดต้นทุน และขยายช่องทางจำหน่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก่อนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ร่วมกัน ประเดิมสินค้าตัวแรกในไตรมาสสุดท้ายปีนี้
พร้อมกันนั้น บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในทุกขั้นตอน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว