CIVIL แย้มครึ่งปีหลังได้งานเพิ่ม เติม Backlog เกิน 1.3 หมื่นล้านบาท หนุนผลงานสดใสกว่าครึ่งปีแรก

1462 จำนวนผู้เข้าชม  | 

CIVIL แย้มครึ่งปีหลังได้งานเพิ่ม เติม Backlog เกิน 1.3 หมื่นล้านบาท หนุนผลงานสดใสกว่าครึ่งปีแรก


 

 

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีวิล เอนจีเนียริง (CIVIL) เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 2568 ว่า มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ขับเคลื่อนจากความสำเร็จในการรับรู้รายได้จากโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และการได้งานใหม่ที่เกิดจากการเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่องช่วงก่อนหน้านี้ อีกทั้งมีงานรอลงนามสัญญา มูลค่ารวม 3,178 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3 นี้ รวมถึงมีงานที่อยู่ในระหว่างเจรจาอีกหลายโครงการ ช่วยต่อยอดงานในมือ (Backlog) ให้เพิ่มจากที่มีล่าสุด 13,100 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังจะได้ปัจจัยหนุนจากการผลักดันโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ ทั้งที่เกิดจากการเร่งอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และการจัดทำงบประมาณปี 2569 ไม่ว่าจะเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูงเฟส 2 โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 (ขอนแก่น–หนองคาย) โครงการถนนเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา หรือโครงการก่อสร้างสนามบินชุมพร และนครศรีธรรมราชส่วนขยาย ช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานในระยะต่อไป สนับสนุนการเติบโตของรายได้ปีนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2571

ที่สำคัญ บริษัทฯ มีการกระจายพอร์ตในการรับงานโครงการก่อสร้างทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก เพื่อสร้างสมดุลในการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง เพราะงานโครงการขนาดใหญ่ และกลาง สามารถการันตีได้ว่าจะได้รับเงินตรงตามกำหนด แม้จะมีความเสี่ยงจากการเปิดประมูลล่าช้า ส่วนงานโครงการระยะสั้น จะสามารถรับรู้รายได้เร็ว และควบคุมอัตรากำไรให้อยู่ในระดับเหมาะสม เนื่องจากไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้าง ช่วยเพิ่มกระแสเงินสดรองรับการขยายงานใหม่ๆ ในอนาคต

สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 14 ล้านบาท ลดลง 30% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) สาเหตุจากการรับรู้รายได้ในหลายโครงการล่าช้ากว่าแผนที่กําหนด เพราะบริษัทฯ ต้องเข้าตรวจสอบความปลอดภัยของโครงการ หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประกอบกับมีหลายโครงการอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้ต้องรอรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงานในระยะถัดไป ส่งผลให้รายได้รวมลดลง 13% มาที่ 1,118 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเร่งตัวขึ้นจาก 8.7% ในไตรมาส 2 ปีก่อน ขึ้นมาเป็น 10%  

ขณะที่ผลดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท ลดลง 52% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น 16% จากการเตรียมความพร้อมของโรงงานที่ชะลอการผลิต เพื่อรองรับโครงการใหม่ในอนาคต และการขยายตัวในธุรกิจที่ไม่ใช่การก่อสร้าง (Non-Construction) ทั้งที่รายได้รวมจะลดลง 3% มาที่ 2,244 ล้านบาท หนุนจากการส่งมอบงานโครงการขนาดเล็กรวม 9 โครงการ ช่วยลดผลกระทบจากรายได้ที่ถูกเลื่อนออกไปได้ระดับหนึ่ง และช่วยให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ 9.3% เท่ากับครึ่งแรกปีก่อน

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้