SEAFCO ไตรมาส 2 โตก้าวกระโดด ครึ่งปีหลังโตต่อ

บมจ. ซีฟโก้ (SEAFCO) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 37.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 563% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 1,601% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) หนุนจากการรับรู้รายได้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มได้รวม 3 สถานี ทำให้สามารถใช้กำลังการผลิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นดีดตัวจาก 12.1% ในไตรมาส 2 ปีก่อน และติดลบ 36.7% ในไตรมาสแรกปีนี้ ขึ้นมาอยู่ที่ 21.5% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส และสนับสนุนให้รายได้เติบโต 53% YoY และ 196% QoQ มาอยู่ที่ 402.2 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากผลขาดทุนสุทธิ 61.9 ล้านบาท ในไตรมาสแรก เนื่องจากปัญหาค่าใช้จ่ายสูงกว่าคาด (Cost overrun) จนกดดันให้อัตรากําไรขั้นต้นติดลบ ฉุดให้ผลดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้ ยังคงขาดทุนสุทธิ 24 ล้านบาท เทียบกับที่มีกำไร 39 ล้านบาท ในครึ่งแรกปีก่อน ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่หดตัวลงมาที่ 6.8% เทียบกับ 15.7% ในครึ่งแรกปีก่อน และมีผลให้รายได้ลดลง 18% มาอยู่ที่ 538 ล้านบาท

กระนั้น ดร. ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SEAFCO ได้ออกมายืนยันว่า จะเห็นผลดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป จากการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเป็น 5 สถานี ก่อนเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จากโอกาสรับงานใหม่ๆ เพื่อเติมงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) สร้างการรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 2569 เนื่องจากโครงการขนาดกลางหลายโครงการเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายงาน อีกทั้งภาครัฐทยอยเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ โครงการทางด่วน Double Deck รวมถึงการขยายธุรกิจเข้าไปทำโครงการรถไฟฟ้าในบังคลาเทศ ร่วมกับพันธมิตร ในระยะต่อไป

ประการสำคัญ บริษัทฯ ได้มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีระบบกำแพงกันดินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดผลกระทบเรื่องความสั่นสะเทือนในการก่อสร้างที่เกิดในชุมชม ได้ดีกว่าค่ามาตรฐานถึง 40% และได้มีการจดทะเบียนสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานฐานรากที่ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนของลูกค้าได้อย่างตรงจุด รวมถึงช่วยสร้างรายได้จากการนำเอาสิทธิบัตรของบริษัทฯ ไปใช้งานได้ในทางอ้อม ผลักดันให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคตด้วย