SPA มองข้ามชอต เตรียมผุดโครงการใหญ่ Wellness Destination มุ่งโตยั่งยืน แม้ผลงานปีนี้จะถูกกระทบจากนักท่องเที่ยวหาย

1738 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SPA มองข้ามชอต เตรียมผุดโครงการใหญ่ Wellness Destination มุ่งโตยั่งยืน แม้ผลงานปีนี้จะถูกกระทบจากนักท่องเที่ยวหาย


 

 

นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) ผู้นำธุรกิจสปาและเวลเนสที่ครบวงจรที่สุดของไทย เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจครึ่งหลังปี 2568 ว่า มีทิศทางสดใสกว่าครึ่งปีแรก หนุนจากฤดูกาลปิดเทอมของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดเอเชีย ฤดูกาลท่องเที่ยวของกลุ่มตะวันออกกลาง เทศกาลวันหยุดจากวันชาติจีน และเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของกลุ่มยุโรปและอเมริกา และการทยอยเปิดตัว 5 สาขาใหม่บนทำเลทอง แบ่งเป็นสาขาที่ดำเนินการเอง 3 แห่ง ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพาร์ค และแกรนด์เซนเตอร์พอยต์เพรสทีจ ราชดำริ กับการรับจ้างบริหารสปา 2 แห่ง ในโรงแรมเอเชีย ราชเทวี และ King Square Community Mall ถนนพระราม 3 ช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายให้ครอบคลุมมากขึ้น ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก ส่งผลให้รายได้ทั้งปีแตะ 1,700 ล้านบาท ลดลง 15% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท เมื่อต้นปี

ส่วนปีหน้า บริษัทฯ มีแผนจะเปิดสาขาน้อยลง เพื่อหันมาเน้นพัฒนาโครงการศูนย์สุขภาพและพักผ่อนแบบครบวงจร (Wellness Destination) ครอบคลุมทั้งการบริหารสปาและออนเซน คลินิกกายภาพบำบัด คลินิก Anti-Aging รวมถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านอาหาร และคาเฟ่ ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเหล่านี้อยู่แล้ว สร้าง New S-Curve จากตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ที่เป็นเมกะเทรนด์ ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวแทน เพราะจากการศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุน พบว่า โครงการดังกล่าวจะสร้างรายได้ปีละ 200-250 ล้านบาท และรับรู้กำไรได้ด้วย มีระยะเวลาคืนทุน 8 ปีครึ่ง นับจากเริ่มเปิดให้บริการในไตรมาสแรกปี 2570 โดยสัดส่วนรายได้หลักจะมาจาก ธุรกิจ Wellness 60% ธุรกิจโรงแรม 35% ที่เหลือมาจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม  

สำหรับรูปแบบการดำเนินโครงการ Wellness Destination บริษัทฯ จะเช่าพื้นที่และสิ่งปลูกสร้าง โรงแรม Sunset Park Resort รวม 38 ไร่ บริเวณนาจอมเทียน จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นทำเลที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยพื้นที่ติดชายทะเลยาวกว่า 200 เมตร รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ป่าสันทรายชายหาด (Coastal Sand Dune Forest) ซึ่งเป็นระบบนิเวศหายากที่มีพืชพรรณและต้นไม้อายุหลายร้อยปี ทำให้โครงการมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างและเหมาะสำหรับการเป็นแหล่งพักผ่อนเชิงสุขภาพอย่างแท้จริง เป็นระยะเวลา 31 ปีครึ่ง โดยใช้งบลงทุนก้อนแรก 520 ล้านบาท (แบ่งเป็นค่าเช่าล่วงหน้า 170 ล้านบาท และค่าตกแต่งสถานที่ 350 ล้านบาท) และงบลงทุนก้อนที่สอง 300 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าเช่าตั้งแต่ปี 2570-2598 ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) เฉลี่ยตลอดระยะเวลา 30 ปี อยู่ที่ 15% คิดรวมต้นทุนทางการเงินที่เกิดจากการกู้ยืมสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่แล้ว








ในเบื้องต้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแบ่งรับแบ่งสู้กับโมเดลธุรกิจใหม่ ซึ่งจะยกระดับให้ SPA ก้าวเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้าน Wellness ที่สำคัญของภูมิภาค เพราะอยากเห็นความสำเร็จของโครงการที่เป็นรูปธรรมก่อน แต่หากอ้างอิงจากแผนลงทุนของบริษัทฯ มีการคาดหมายจากค่ายกสิกรไทย (KS) ว่า โครงการ Wellness Destination จะเพิ่ม upside ให้ราคาหุ้นได้ 1.10-1.50 บาท อิงสมมติฐานว่า โครงการมีจำนวนห้องพัก 60 ห้อง และมีความสามารถในการรองรับลูกค้า Wellness ได้วันละ 500 คน แต่หากมองภาพการลงทุนระยะสั้น ธุรกิจมีแนวโน้มจะฟื้นตัวในลักษณะ U-Shape ตามจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวม

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 35.8 ล้านบาท ลดลง 42% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และลดลง 30% จากไตรมาสแรก (QoQ) ถูกกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ทำให้รายได้ลดลง สวนทางรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากค่าใช้จ่ายประจำ ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่ และค่าใช้จ่ายในการทำตลาดและส่งเสริมการขาย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมาชดเชย ฉุดให้อัตราเติบโตของรายได้จากสาขาเดิม (SSSG) ปรับตัวทำสถิติต่ำสุด ติดลบ 17% แม้อัตราเติบโตของรายได้จากสาขาใหม่ จะปรับตัวเป็นบวก แต่ก็ชดเชยไม่ได้ทั้งหมด ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมอ่อนตัวจาก 16.9% ในไตรมาส 2 ปีก่อน และ 13.4% ในไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 9.9%

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการทำการตลาดและส่งเสิมการขาย ทำให้บริษัทฯ สามารถดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออก และยุโรปบางส่วน เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น ประกอบกับลูกค้าประจำ ทั้งคนไทยและต่างชาติที่อาศัยในไทย ที่จองคิวลำบากในช่วงก่อนหน้านี้ สามารถเข้ามาใช้บริการได้สะดวกขึ้น ช่วยทดแทนการหายไปของนักท่องเที่ยวจีนได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม ช่วยให้รายได้รวมลดลง 6% YoY และ 5% QoQ มาอยู่ที่ 367 ล้านบาท ส่งผลต่อเนื่องให้รายได้รวมครึ่งแรกปีนี้ ลดลงเพียง 4% จากครึ่งแรกปีก่อน มาอยู่ที่ 756 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิลดลงแค่ 36% อยู่ที่ 87 ล้านบาท

 

 

 

 

 

 


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้