BRR คาดราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยครึ่งปีหลังทรงตัว หลังจากอ่อนตัว 18% ในครึ่งปีแรก ก่อนเดินหน้าเพิ่มผลผลิตอ้อยเข้าหีบฤดูกาลใหม่อีก 2-3 แสนตัน เป็น 2.4-2.5 ล้านตัน
11 จำนวนผู้เข้าชม |
นายอดิศักดิ์ ตั้งตรงเวชกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บมจ. น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) เปิดเผยว่า เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทฯ พร้อมให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้การผลิตน้ำตาลมีประสิทธิผลสูงสุด โดยตั้งเป้าการปลูกอ้อยฤดูกาลปี 2568/69 ให้มีค่าความหวานสูงขึ้นจาก 10 ซีซีเอส (ค่ามาตรฐานในการวัดความบริสุทธิ์ของน้ำตาล) ในฤดูกาลก่อน เป็น 13.75 ซีซีเอส และเพิ่มปริมาณผลผลิตอ้อยเข้าหีบจาก 2.19 ล้านตัน ในฤดูกาลก่อนขึ้นมาที่ 2.4-2.5 ล้านตัน สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝนซึ่งอยู่ในระดับที่ดี และความต้องการบริโภคน้ำตาลที่มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นจากปีนี้ 1.2%
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงเน้นย้ำจุดยืนในการดูแลชาวไร่อ้อยให้สามารถเพิ่มผลผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยให้มีค่าความหวานสูงขึ้น เพื่อให้ได้รับราคาที่สูง รวมถึงช่วยลดการเกิดมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาอ้อยอีกด้วย
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำตาลทั่วโลกปีหน้า มีการคาดการณ์กันว่า ปริมาณผลผลิตน้ำตาลน่าจะเกินดุลประมาณ 2.0-2.5 ล้านตัน เนื่องจากประเทศที่เป็นผู้ส่งออกหลัก และประเทศผู้ผลิตอ้อยหลายประเทศ สามารถผลิตน้ำตาลได้ปริมาณเพิ่มขึ้น อย่างอินเดีย ได้ประกาศส่งออกน้ำตาลราว 1.0-1.5 ล้านตัน ในทางกลับกัน การประกาศมาตรการกีดกันการค้าของอเมริกา อาจทำให้ความต้องการบริโภคน้ำตาลเพื่อทดแทนไซรัปจากอเมริกาสูงขึ้น ทำให้สถานการณ์ราคาน้ำตาลเป็นประเด็นที่จะต้องติดตามกันต่อไป แต่ภาพระยะสั้น ช่วง 6 เดือนนี้ (ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ถึงไตรมาสแรกปีหน้า) ราคาขายเฉลี่ยน้ำตาลน่าจะผันผวนน้อยลง โดยน่าจะแกว่งตัวบริเวณปอนด์ละ 16-17 เซนต์ เพราะปริมาณผลผลิตของบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งของโลกยังมีจำกัด ให้ความผันผวนของราคาลดลง
ขณะที่ผลดำเนินงานครึ่งแรกปี 2568 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป BRR มีกำไรสุทธิ 433 ล้านบาท ลดลง 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ถูกกดดันจากปริมาณขายและราคาขายน้ำตาลที่ลดลง โดยปริมาณขายชะลอตัว 17% ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบที่ลดลง จากปัญหาภัยแล้งใน จ.บุรีรัมย์ ส่วนราคาขายเฉลี่ยลดลง 18% ตามราคาตลาดโลก อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ฉุดให้อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 15% ในครึ่งแรกปีก่อน มาเหลือ 11% ส่งผลให้รายได้จากการขายลดลง 18% มาอยู่ที่ 3,926 ล้านบาท ถึงแม้บริษัทฯ จะมีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมก็ตาม
