15 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรปกติ 190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสแรก (QoQ) ใกล้เคียงตลาดคาด โดยการเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นทั้ง 3 สายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ รวมถึงยางแท่งตามมาตรฐาน EUDR ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ หรือธุรกิจพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ผลักดันให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 72.1% มาอยู่ที่ 5,401.6 ล้านบาท ส่วนการเพิ่มขึ้น QoQ ได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ ที่เติบโตอย่างโดดเด่น ช่วยชดเชยผลกระทบจากยอดขายยางธรรมชาติที่อ่อนตัวลง ทั้งจากปริมาณขาย และราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง รวมถึงมีการปิดซ่อมบํารุงเครื่องจักร ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมลดลงจาก 9.3% ในไตรมาสแรก มาที่ 8.8% ทำให้รายได้จากการขายลดลงเพียง 4.7% อย่างไรก็ดี การที่ปริมาณขายช่วงครึ่งแรกปีนี้สูงกว่าครึ่งแรกปีก่อนถึง 61.8% โดยทำได้ 11,068.4 ล้านบาท ทำให้กำไรปกติครึ่งแรกปีนี้โต 100% มาอยู่ที่ 380 ล้านบาท ถึงแม้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมจะอ่อนตัวลงจาก 9.11% มาอยู่ที่ 9.04% โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ มีสัดส่วนรายได้สูงถึง 86% รองลงไปเป็นธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 13% ที่เหลือมาจากธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์
โอกาสนี้ นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ TEGH ชี้แจงแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า น่าจะเห็นรายได้ทั้งปีเติบโตทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ (All Time High) แตะ 2.2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อน 30% ตามแผนที่วางไว้ หนุนจากการเติบโตในทุกธุรกิจ โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ คาดปริมาณขายสูงขึ้น หลังจากมีความชัดเจนเรื่องอัตราภาษีนำเข้าของอเมริกา ประกอบกับยางแท่งอยู่ในรายชื่อสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าจากอเมริกา ทำให้ลูกค้าของบริษัทฯ ที่กระจายตัวในทุกภูมิภาค เริ่มกลับมาสั่งซื้อมากขึ้น ขณะเดียวกัน การที่สหภาพยุโรปเตรียมเริ่มบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่าช่วงปลายปีนี้แล้ว ทำให้น่าจะเห็นการเติบโตของยอดขายยางแท่งตามมาตรฐาน EUDR ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่า จะเห็นราคายางเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ผลักดันให้อัตรากำไรฟื้นตัวตามมาด้วย
ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ น่าจะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขานรับการที่ผลผลิตปาล์มที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น รวมถึงการเก็บเกี่ยวดอกผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการเดินเครื่องหม้อนึ่งตัวใหม่ สนับสนุนให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น และพลิกผลดำเนินงานจากขาดทุนในปีก่อนมาเป็นมีกำไรอย่างโดดเด่น เช่นเดียวกับธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ที่ดำเนินการผ่านบริษัทย่อย บมจ. ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ (TEBP) ซี่งมีแนวโน้มจะเติบโตก้าวกระโดด ขานรับแผนขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ (Biogas) เพื่อจำหน่ายให้ บมจ. โกลบอลกรีน เคมิคอล (GGC) เป็นระยะเวลา 7 ปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท โดยปีนี้จะรับรู้รายได้เต็มปีเป็นครั้งแรก ก่อนจะเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจตามมา ผ่านการผลักดัน TEBP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า
อย่างไรก็ดี แรงกดดันจากราคายางในตลาดโลกที่อ่อนแอลง ในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินแนวโน้มผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ของ TEGH ว่า จะชะลอตัวจากไตรมาส 2 ก่อนจะฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสสุดท้ายปีนี้