NER ปรับลดเป้ารายได้ทั้งปีลง 4% เป็น 3.25 หมื่นล้านบาท หลังภาษีทรัมป์ป่วนคำสั่งซื้อ

16 จำนวนผู้เข้าชม  | 

NER ปรับลดเป้ารายได้ทั้งปีลง 4% เป็น 3.25 หมื่นล้านบาท หลังภาษีทรัมป์ป่วนคำสั่งซื้อ




นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางผสม และสินค้าปลายน้ำแผ่นยางพาราปูพื้นคุณภาพสูง เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยแผนธุรกิจครึ่งหลังปี 2568 ว่า จะให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศ ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการย้ายฐานการผลิตของโรงงานผลิตยางรถยนต์เข้ามาในไทยมากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายในประเทศราว 70% อีก 30% ที่เหลือเน้นส่งออกไปที่ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย ทั้งเพื่อลดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท และช่วยรักษาอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีไม่ให้ต่ำกว่า 10.5%

อย่างไรก็ตาม การที่ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอความชัดเจนเรื่องอัตราภาษีนำเข้าของอเมริกา ในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องปรับลดปริมาณขายยางทั้งปีลงจาก 500,000 ตัน เหลือ 470,000 ตัน (เติบโตจากปีก่อน 7%) และมีผลให้ต้องปรับลดเป้ารายได้จากการขาย จากเดิมที่ 34,000 หมื่นล้านบาท เหลือ 32,500 ล้านบาท (เติบโต 17% จากปีก่อน) ตามไปด้วย

ส่วนเหตุการณ์ไฟไหม้โรงเก็บสินค้าสำเร็จรูป จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการผลิต ทำให้สามารถส่งมอบยางให้กับลูกค้าตามปกติ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ คาดจะบันทึกความเสียหายราว 200-400 ล้านบาท ในงวดไตรมาส 3 และบันทึกค่าชดเชยในงวดไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีผลกระทบต่ออุปทานยาง  เพราะอุปทานยางในแถบอีสานตอนใต้ที่ลดลง สามารถชดเชยได้จากอุปทานยางจากแถบอีสานตอนเหนือ ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก เพียงแต่จะส่งผลกระทบให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ส่วนแผนขยายโรงงานแห่งที่ 3 ในประเทศโกตดิวัวร์ (Cote d'Ivoire) น่าจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาได้ในวาระการประชุมเดือนพฤศจิกายนนี้ หากได้รับการอนุมัติ คาดว่าจะเริ่มต้นก่อสร้างโรงงานได้ในต้นปีหน้า และเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาส 3 ปีหน้า

สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรปกติ 489 ล้านบาท ลดลง 0.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 17.7% จากไตรมาสแรก (QoQ) ใกล้เคียงตลาดคาด โดยการลดลง YoY ถูกกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจาก 12.4% ในไตรมาส 2 ปีก่อน มาอยู่ที่ 10.5% สาเหตุจากต้นทุนยางเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น เนื่องจากการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในเดือนธันวาคมปีก่อน ทั้งที่รายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้น 30.6% มาอยู่ที่ 7,584.6 ล้านบาท ตามปริมาณขายยางที่เพิ่มขึ้น 23.7% เป็น 1.12 แสนตัน และราคาขายยางเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.6% มาที่กิโลกรัมละ 67.79 บาท (ในจำนวนนี้เป็นยอดขายในประเทศ 80.3% ที่เหลือ 19.7% มาจากการส่งออก) ส่วนการลดลง QoQ เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งปกติจะมีปริมาณขายลดลงจากการเข้าสู่ช่วงปิดกรีดยาง อีกทั้งปัญหาการขาดแคลนตู้ขนส่งชั่วคราวฉุดให้ยอดส่งออกชะลอตัวลง และต้องเลื่อนส่งมอบมาเป็นไตรมาส 3 แทน ทำให้รายได้จากการขายลดลง 12.8%

อย่างไรก็ตาม การที่รายได้จากการขายตลอดครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 31.8% จากครึ่งแรกปีก่อน มาที่ 16,282.6 ล้านบาท ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 16.5% เป็น 238,973 ตัน แม้จะถูกกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจาก 12.0% เหลือ10.6% แต่ยังมีผลให้กำไรปกติครึ่งแรกปีนี้ดีขึ้น 12% มาอยู่ที่ 1,084 ล้านบาท และเตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 22 สิงหาคม และกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 5 กันยายน




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้