GUNKUL เชื่อ ผลสำเร็จจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในครึ่งปีแรก และการขยายพอร์ต 3 กลุ่มธุรกิจ หนุนผลงานปี 2568 โต 10-15% ตามแผน

นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยแผนธุรกิจครึ่งหลังปี 2568 ว่า พร้อมเดินหน้าตามกรอบกลยุทธ์ 3 ปีที่ตั้งไว้อย่างเป็นระบบ ทั้งเพื่อรับมือความผันผวนจากปัจจัยภายในและภายนอกที่รุมเร้าในระยะสั้นให้ได้ทันท่วงที (Resilient Growth) และเพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโต 35,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% พร้อมต่อยอดสู่อุตสาหกรรม New S-Curve ด้าน Green Infrastructure อย่างเป็นรูปธรรม และมีส่วนร่วมในการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับแนวทางการดำเนินงาน บริษัทฯ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตจากทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานสีเขียว ธุรกิจรับเหมาไฟฟ้า (EPC) หรือธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ตามโรดแมป 3 ปีที่วางไว้ โดยธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานสีเขียว จะรุกขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมจากที่มีล่าสุด 1,579 เมกะวัตต์ เป็นมากกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ประเดิมโครงการแรกในฟิลิปปินส์ในเร็วๆ นี้ ควบคู่ไปกับการเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มอีก 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องงบลงทุน 35,000 ล้านบาท ตลอดช่วง 5 ปีนี้ ไว้ล่วงหน้าแล้ว

ส่วนธุรกิจ EPC พร้อมเข้าประมูลงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนหลายโครงการ เพื่อเพิ่มงานในมือรอรับรู้รายได้ (Blacklog) ให้สูงขึ้นจากที่มีล่าสุด 4,000 ล้านบาท สนับสนุนการเติบโตของรายได้ต่อเนื่อง 5 ปี ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมใช้จุดแข็งจากการได้รับการแต่งตั้งจาก SUNGROW ยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์โซลาร์เซลล์ระดับโลก ให้เป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Tier 1 Distributor) สำหรับอุปกรณ์โซลูชั่นอินเวอร์เตอร์ และ แบตเตอรี่ ในประเทศไทย เพิ่มยอดขายจากทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ และผลิตภัณฑ์เดิม รวมถึงต่อยอดโอกาสจากการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง (Direct PPA) กับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ขณะที่ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 485 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 32% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ดีกว่าตลาดคาด หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น จาก 33.8% ในไตรมาส 2 ปีก่อน และ 30.5% ในไตรมาสแรกปีนี้ มาอยู่ที่ 41.5% ขานรับผลสำเร็จจากการบริหารจัดการต้นทุนโครงการ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทั้งที่รายได้จากการดำเนินงานจะลดลง 20% YoY และ 13% QoQ มาอยู่ที่ 1,802 ล้านบาท หลักๆ มาจากธุรกิจ EPC ที่รายได้หดตัว 40% YoY และ 26% QoQ แต่สามารถชดเชยบางส่วนจากธุรกิจขายไฟฟ้าที่ได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไทยและญี่ปุ่น ส่งผลให้ผลดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากครึ่งแรกปีก่อน ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นเกือบ 5% มาที่ 35.6% ทั้งที่รายได้จากการดำเนินงานจะลดลง 20% มาอยู่ที่ 3,873 ล้านบาท