RATCH เชื่อ ผลงานครึ่งปีหลังแกร่งขึ้น เตรียมปิดดีลลงทุนใหม่ 1-2 โครงการ ปีนี้

31 จำนวนผู้เข้าชม  | 

RATCH เชื่อ ผลงานครึ่งปีหลังแกร่งขึ้น เตรียมปิดดีลลงทุนใหม่ 1-2 โครงการ ปีนี้




นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ราช กรุ๊ป (RATCH) เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจครึ่งหลังปี 2568 ว่า มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก หนุนจากปริมาณผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ น้ำงึม (NN2) และเซเปียน (PNPC) ที่มีปริมาณน้ำในเขื่อนสูงขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง (HKP) โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสา (HPC) และไพตัน (Paiton) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าใหม่และมีต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำ ยังเดินเครื่องได้ราบรื่น อีกทั้งยังจะมีการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าใหม่ 2 โครงการ ในไตรมาสสุดท้าย คือ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมนวนคร เฟส 3 กำลังการผลิต 30 MW และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำซองเกียง 1 เฟสแรก กำลังการผลิต 5.5 MW ก่อนจะเปิดเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ NPSI ในฟิลิปปินส์ กำลังการผลิต 71 MW ในไตรมาสแรกปีหน้า ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเชื่อว่า จะมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากครี่งปีแรก หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเชื่อว่า จะสามารถปิดดีลการลงทุนในโรงไฟฟ้า 1–2 โครงการ ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงเร่งพิจารณาการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะการร่วมทุนโครงการ Data Center โดยใช้ประโยชน์จากที่ดินโรงไฟฟ้าราชบุรี ขนาดพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ และสาธารณูปโภค เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าราชบุรี (RPE) ที่ใกล้หมดอายุในปีหน้า จนทำให้ กฟผ. ไม่สั่งเดินเครื่อง เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าโรงไฟฟ้าอื่น  

สำหรับแนวทางในการขยายกำลังการผลิตในระยะต่อไป บริษัทฯ จะมุ่งไปที่ประเทศที่ลงทุนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สปป. ลาว หรือเวียดนาม ส่วนในไทยรอความชัดเจนของแผนพัฒนาไฟฟ้า ภายใต้โครงสร้างคณะกรรมการนโยบายพลังงานชุดใหม่

ขณะที่ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,057 ล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่เพิ่มขึ้น 69% จากไตรมาสแรก (QoQ) โดยการลดลง YoY มีสาเหตุจากการแข็งค่าของเงินบาท เทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้รายได้ลดลง รวมถึงรายได้จากโรงไฟฟ้า RPE ที่ลดลงเพราะใกล้หมดอายุในปีหน้า ขณะที่โรงไฟฟ้า RG หยุดเดินเครื่องเพื่อบำรุงรักษาตามแผนนานกว่าปีก่อน ส่งผลให้รายได้ลดลง 24% มาอยู่ที่ 6,204 ล้านบาท

ส่วนการเพิ่มขึ้น QoQ หนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยที่ขยายตัวถึง 97% มาที่ 2,429 ล้านบาท หลักๆ เกิดจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Paiton และ HPC ที่เติบโตอย่างโดดเด่นหลังจากกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลัง หลังจากมีการหยุดซ่อมบำรุงไฟฟ้าในไตรมาสแรก ทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 151% และ 87% เป็น 813 ล้านบาท และ 995 ล้านบาท ตามลำดับ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า HKP ที่เพิ่มขึ้น 81% มาอยู่ที่ 467 ล้านบาท ขานรับการเดินเครื่องเต็มที่ทั้ง 2 เฟส ผลักดันให้รายได้เพิ่มขึ้น 18% แม้จะถูกกดดันจากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนก็ตาม









ผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า รวมถึงรายได้จากโรงไฟฟ้า RPE ที่ลดลง สร้างแรงกดดันให้ผลดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้ชะลอตัวลงจากครึ่งแรกปีก่อน โดยกำไรสุทธิลดลง 14% เป็น 3,277 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลง 10% แตะที่ 7,536 ล้านบาท ตามรายได้ที่หดตัว 34% มาอยู่ที่ 11,571 ล้านบาท





Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้