31 จำนวนผู้เข้าชม |
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือกับนายผาติยุทธ ใจสว่าง รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อสมท. (MCOT) เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ NPL และ NPA ด้วยกลยุทธ์ Business Partnership สร้างต้นแบบของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่จะนำศักยภาพอันแข็งแกร่งของแต่ละองค์กรมาต่อยอด และยกระดับความร่วมมือ ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และประโยชน์สูงสุดตามพันธกิจของแต่ละองค์กร
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ MCOT จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มช่องทางและยอดขายจากการจำหน่ายทรัพย์ที่ BAM มีอยู่กว่า 25,000 รายการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว ในสัดส่วน 33% ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 19% เท่ากัน ที่เหลือเป็นที่ดินเปล่า คิดเป็นราคาประเมินกว่า 74,000 ล้านบาท โดย BAM จะมีการคัดทรัพย์ที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ทำงานของพนักงาน MCOT เพื่อสร้างความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการขายแบบเน้นกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยจะมีการมอบโปรโมชันให้กับบุคลากรของ MCOT ได้แก่ ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท ทั่วประเทศ สูงสุด 900,000 บาทต่อรายการทรัพย์ รวมถึงบัตรกำนัล SB FURNITURE ขยายฐานลูกค้า
นอกจากนี้ MCOT พร้อมใช้สื่อในมือที่มีช่วยสื่อสารประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน เพื่อให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลสินทรัพย์คุณภาพ และบทบาทของ BAM ที่เป็นองค์กรหลักในการพลิกฟื้นสินทรัพย์เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย
และในอนาคต BAM ยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือไปยังรัฐวิสาหกิจอื่นๆ และพร้อมเดินหน้าในการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อให้ทรัพย์สินรอการขายไม่เพียงแต่กลับมามีมูลค่า แต่ยังกลายเป็นทรัพย์สินที่สร้างโอกาสและผลตอบแทนให้กับทุกฝ่ายได้อย่างยั่งยืน
ก่อนหน้านี้ BAM ได้เดินหน้ากลยุทธ์ NPA Partnership ร่วมกับพันธมิตรในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บมจ. วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ (VBYOND) บมจ. บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป (BKA) บมจ. บริษัท ไซมิส แอสเสท (SA) และสถาบันการเงิน อย่าง บมจ. ธนาคารยูโอบี (UOB) บมจ. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อช่วยกันพลิกทรัพย์ร้าง ให้กลายเป็นทรัพย์สร้างกำไร ช่วยลดระยะเวลาการถือครองทรัพย์ พร้อมกับสร้างรายได้และผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง เฉพาะปีนี้ น่าจะสามารถเพิ่มยอดจัดเก็บเงินสด (Cash collection) ได้ 17,800 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้