ONSENS จ่อคิวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 4 นี้ ขึ้นแท่นผู้นำตลาด Wellness & Spa ครบวงจร

301 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ONSENS จ่อคิวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 4 นี้ ขึ้นแท่นผู้นำตลาด Wellness & Spa ครบวงจร


 

 

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บมจ. ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป (ONSENS) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.67% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ที่ราคาพาร์ หุ้นละ 1 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนโครงการ Social Wellness Hotel & Spa ทองหล่อ เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการออนเซ็นและสปา ที่สามารถตอบสนองความต้องการดูแลรักษาสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) รวมถึงการปลดปล่อยความเหนื่อยล้าจากชีวิตประจำวัน ด้วยการใช้เวลาอยู่กับตัวเองในบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามกระแสใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภคเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้น ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมออนเซ็นและสปาในไทย ขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน

สำหรับจุดเด่นของบริษัทฯ อยู่ที่การเป็นผู้บุกเบิกการให้บริการออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นร่วมกับบริการสปาที่มีมาตรฐานอย่างครบวงจร ตั้งแต่ปี 2554 อีกทั้งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดช่วงก่อนหน้านี้ แต่ก็สามารถฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ด้านนายสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ONSENS เสริมว่า ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการให้บริการภายใต้ 2 หลัก ได้แก่ ยูโนะโมริ ออนเซ็น แอนด์ สปา (Yunomori) และคลาย สปา (Klai) โดย Yunomori จะให้บริการที่ครบวงจรทั้งออนเซ็นและสปา มีความโดดเด่นทั้งความหลากหลายของบ่อออนเซ็น ไม่ว่าจะเป็น บ่อยูโนะโมริซิกเนเจอร์ บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ บ่อน้ำวน บ่อซิลค์บาธ บ่อบับเบิ้ลบาธ บ่อน้ำเย็น ซึ่งแต่ละบ่อจะมีคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า หรือรูปแบบสปาที่ครอบคลุมการนวดเพื่อผ่อนคลาย และเพื่อเสริมความงาม ด้วยเทคนิคที่ออกแบบมาโดยเฉพาะและเป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันมี 3 สาขาในประเทศไทย ที่สุขุมวิท 26 สาทร 10 และพัทยา โดยมีการร่วมลงทุนที่สิงคโปร์ อีก 1 สาขา

 

 

 

 

 



ส่วน Klai จะให้บริการสปาในรูปแบบเดย์สปา ผสมผสานศาสตร์การนวดไทยโบราณเข้ากับเทคนิคการบำบัดสมัยใหม่ ด้วยบรรยากาศที่เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยการตกแต่งภายในสาขาด้วยศิลปะรูปแบบไทยร่วมสมัย ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ มีสาขาเดียวที่ย่านเยาวราช นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อ Happy Rice ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด ตั้งอยู่ใน Yunomori ทุกสาขา กับธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ชุดยูกาตะ ผ้าพันคอ แก้วกาแฟ ที่ออกแบบร่วมกับศิลปินที่มีชื่อเสียง โดยรายได้จากธุรกิจจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ มีสัดส่วนรวมกันกว่า 13% ที่เหลืออีก 86% มาจากธุรกิจให้บริการออนเซ็นและสปา  

สำหรับโครงการ Social Wellness Hotel & Spa จะเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรมมาอย่างยาวนาน เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด Wellness & Spa ครบวงจร อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนทำแบรนด์ใหม่ เป็นแบรนด์ที่ 3 ชื่อ PAK Massage กำหนดเปิดสาขาแรกช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ขณะที่นายเพชร คงแสงไชย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน ONSENS เสริมว่า การให้บริการออนเซ็นสปาแบบดั้งเดิมที่ลอกเลียนได้ยาก ทั้งด้านเทคนิคการให้บริการหลากหลาย และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างรอบด้าน ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการออนเซ็นสปา เฉลี่ยเพิ่มจากเดือนละ 20,844 คน ในปี 2565 เพิ่มเป็นเฉลี่ยเดือนละ 26,075 คน ในปี 2567 ที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 11.85% ผลักดันให้ผลดำเนินงานช่วง 3 ปีล่าสุด (ปี 2565-67) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านรายได้และกำไร โดยรายได้รวมเพิ่มจาก 205.0 ล้านบาท ในปี 2565 เป็น 273.9 ล้านบาท และ 288.6 ล้านบาท ในปี 2566 และปี 2567ตามลำดับ ขณะที่กำไรเร่งตัวจาก 14.8 ล้านบาท ในปี 2565 เป็น 43.5 ล้านบาท ในปี 2566 ก่อนปรับลดมาที่ 33.3 ล้านบาท ในปี 2567 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หลักๆ จากค่าใช้จ่ายพนักงานเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และค่าใช้จ่ายในการเตรียมนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จาก 33.99% เป็น 42.31% และ 44.84% ตามลำดับ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิสามารถยืนได้เหนือ 11% มาโดยตลอด ดังนั้น การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้บริษัทฯ มีเงินทุนไปชำระหนี้ เพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน และมีเงินทุนไปใช้เดินหน้าโครงการ Social Wellness Hotel & Spa รวมถึงการขยายสาขาแบรนด์ใหม่ สร้างการเติบโตทางธุรกิจให้เข้มแข็งมากขึ้น พร้อมเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ในระยะยาว        

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้