33 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ธนาคารทิสโก้ (TISCO) จัดกิจกรรมให้ความรู้ทางการเงินแก่สังคมตลอดทั้งเดือนตุลาคม รับวันวางแผนการเงินโลก (World Financial Planning Day 2025) พร้อมถือโอกาสนี้เชิญชวนคนไทยวางแผนการเงินอย่างถูกวิธี โดยระบุ แม้คนไทยจะตระหนักถึงการวางแผนการเงินมากขึ้น แต่ยังมีช่องว่างหลายจุดที่ทำให้การวางแผนการเงินไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว จึงแนะนำ 5 แนวทางวางแผนการเงินให้ถูกวิธี แนวทางแรก ออมเงินอย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่แค่เก็บเงินสดหรือฝากออมทรัพย์ธรรมดา แต่ควรจัดสรรเงินลงทุนอย่างมีเป้าหมาย ทั้งเป้าหมายระยะสั้น กลาง และยาว โดยเป้าหมายระยะสั้น เช่น การเก็บเงินเพื่อเตรียมท่องเที่ยว เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือใหม่ ควรออมเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่ผันผวนต่ำ อย่างเงินฝากประจำ กองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี หรือมีเป้าหมายระยะกลาง เช่น ต้องการเก็บเงินเพื่อไปเรียนต่อปริญญาโทใน 5 ปีข้างหน้า ควรจัดสรรเงินลงทุนให้อยู่ในระดับความเสี่ยงปานกลางที่ผสมระหว่างกองทุนตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หุ้นกลุ่มกลุ่มเชิงรับ (Defensive) แต่หากเป็นเป้าหมายระยะยาวเช่น ต้องการออมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณอีก 25 ปีข้างหน้า ให้เน้นลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงสูง อย่าง กองทุนรวมหุ้นที่เน้นการเติบโต นอกจากนี้ควรกันเงินสำรองฉุกเฉินแยกจากเงินลงทุนให้อยู่ได้อย่างน้อย 6 เดือนของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
แนวทางที่สอง จัดการหนี้ให้สมดุลกับรายได้ ดูจากหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงและมีระยะเวลาผ่อนสั้นๆ มารวบเป็นหนี้ที่มีระยะเวลาผ่อนที่ยาวขึ้นและจ่ายดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ภาระการผ่อนหนี้ต่อเดือนดีขึ้น จะได้มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำรงชีวิต และไม่ก่อหนี้เพิ่มโดยไม่จำเป็น โดยหากรายได้ไม่สูงมาก ควรมีภาระหนี้ที่ผ่อนต่อเดือนไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ แนวทางที่สาม สร้างเกราะป้องกันจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด ผ่านการวางแผนประกัน ทั้งประกันภัย และประกันชีวิต และแนวทางที่สี่ เริ่มวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้ เริ่มจากการสำรวจความต้องการหลังเกษียณว่า ต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไร และเมื่อเริ่มลงทุนแล้วก็หมั่นติดตามผลตอบแทนดูว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งหากไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็ควรปรึกษานักวางแผนการเงิน เพราะปัจจุบัน สภาวะเศรษฐกิจที่บีบรัด ส่งผลให้ทัศนคติในการเก็บออมและวางแผนเพื่ออนาคตลดลง สะท้อนผ่านข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ระบุ แม้ 61.1% ของคนไทยตั้งใจจะวางแผนและออมเงินเพื่อการเกษียณ แต่ในความเป็นจริง มีเพียง 15.7% เท่านั้นที่ทำได้ตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ กลุ่มคน Gen Z มากกว่าครึ่ง ยังไม่เริ่มหรือคิดวางแผนเกษียณแม้บางส่วนจะเข้าสู่วัยทำงานแล้ว สาเหตุจากข้อจำกัดด้านรายได้ ส่งผลให้มีทัศนคติในเรื่องการเก็บออมและวางแผนเพื่ออนาคตลดลง