1951 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ทิสโก้ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (TISCO) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ดีกว่าที่ตลาดคาด หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) ที่เพิ่มขึ้น ตามต้นทุนการเงินที่ลดลง และมีการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวจากการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดของลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่ง ประกอบกับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 26% QoQ และ 32% YoY ทั้งจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น 8% QoQ และ 2% YoY ตามสินเชื่อรายย่อยที่เติบโต 0.8% QoQ และ 0.3% YoY (หลักๆ มาจากสินเชื่อเช่าซื้อ ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกันเพิ่มตามมา) รวมถึงการเติบโตในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง การจัดการกองทุนรวม นายหน้าขายประกัน อีกทั้งยังได้เงินชดเชยจากโครงการคุณสู้ เราช่วย และมีกำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้นตามราคาสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดโลก (หุ้น กองทุน และทองคำ) รวมถึงกำไรจากเงินลงทุนใน บมจ. การบินไทย (THAI)
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ทำได้ดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อหนี้เสียปรับลดลงจาก 2.4% ในไตรมาส 3 ปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า ลงมาอยู่ที่ 2.3% ขานรับการได้ประโยชน์จากโครงการคุณสู้ เราช่วย ทำให้หนี้จัดชั้น Stage 2 และ Stage 3 ลดลงเล็กน้อย และการคุมเข้มสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ ทำให้การปล่อยสินเชื่อช่วง 9 เดือนปีนี้ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 0.8% มาอยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท ส่งให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 5.0 พันล้านบาท ลดลง 3.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับความไม่แน่นอนต่างๆ รวมถึงความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ TISCO ได้มีตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) เป็นการล่วงหน้าแล้ว ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มจาก 151% สิ้นไตรมาส 2 ขึ้นมาเป็น 171% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มขึ้นเป็น 19.3% ในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 17.3% ทำให้ตลาดคาดหมายว่า TISCO จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ไม่น้อยกว่าปีก่อน ที่จ่ายในอัตราหุ้นละ 7.75 บาท (จ่ายไปแล้ว 2.00 บาท ในครึ่งปีแรก คาดครึ่งปีหลังจ่ายอีก 5.75 บาท) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปีราว 7.0%