800 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ดีกว่าที่ตลาดคาด หนุนจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ที่เพิ่มขึ้น 8% QoQ และ 31% YoY แตะ 1.5 หมื่นล้านบาท หนุนจากกำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ที่เติบโต 11% QoQ และ 8% YoY และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่เพิ่มขึ้น 14% QoQ และ 8% YoY หลักๆ จากค่าธรรมเนียมในการจัดการกองทุน การให้บริการอาวัลและค้ำประกันที่เพิ่มขึ้น ช่วยชดเชยรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) ที่ลดลง 2% QoQ และ 14% YoY ตามนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เน้นให้ความสําคัญกับคุณภาพสินทรัพย์ และอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม ส่งผลให้สินเชื่อชะลอตัวเล็กน้อย (0.8% QoQ และ 0.7% YoY) มาอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท และทิศทางดอกเบี้ย (ฉุดให้อัตราดอกเบี้ยรับสุทธิ (NIM) ลดลงจาก 3.62% ในไตรมาส 3 ปีก่อน และ 3.33% ในไตรมาส 2 ปีนี้ มาอยู่ที่ 3.25%) ได้ในระดับหนึ่ง
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ สามารถควบคุมให้ทรงตัวที่ 3.8% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการชะลอปล่อยสินเชื่อ ทำให้สินเชื่อช่วง 9 เดือนปีนี้ ชะลอตัวจากสิ้นปีก่อน 3.6% มาอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท แต่เพื่อรองรับความไม่แน่นอนต่างๆ รวมถึงความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ที่อาจเกิดในอนาคต ธนาคารได้มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เร่งตัวจาก 150.7% ในไตรมาส 3 ปีก่อน และ 162.8% ในไตรมาส 2 ปีนี้ ขึ้นมาเป็น 166.4% พร้อมกับหนุนให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มขึ้นเป็น 20.66% ในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 18.68%


การมีเงินกองทุนสูง ประกอบกับสินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตต่ำ ทำให้ธนาคารประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 47.4 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 8.8 พันล้านบาท ดีเดย์วันที่ 14 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ จนถึงวันที่ 13 พฤษภาคมปีหน้า ยังกลายเป็นปัจจัยบวกใหม่ที่จะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง (Downsize) ของราคาหุ้น พร้อมทั้งเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะเห็น KBANK จ่ายเงินปันผลพิเศษเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้อาจเห็นการจ่ายเงินปันผลในอัตราใกล้ๆ 6% ตามมา