TKN ตั้งอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ขึ้นเป็นเถ้าแก่เนี้ย สานต่อธุรกิจแทนต๊อบที่โดน กลต. กล่าวโทษ

หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศลงโทษทางแพ่งนายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือต๊อบ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) และพวกรวม 5 คน กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น TKN โดยสั่งปรับเงินมูลค่ากว่า 16.39 ล้านบาท พร้อมห้ามเป็นกรรมการ และผู้บริหารบริษัทฯ เป็นเวลาสูงสุด 20 เดือน ทำให้นายอิทธิพัทธ์ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมทันที ส่งผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม มีมติแต่งตั้งนางสาวอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ซึ่งเป็นพี่สาวของนายอิทธิพัทธ์ ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ เพื่อสานต่อภารกิจนำพาองค์กรก้าวสู่การเติบโตในอนาคต ทั้งในด้านการขยายตลาดต่างประเทศ การรักษาส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากนางสาวอรพัทธ์ มีความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ในการทำธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า จะสามารถสานต่อภารกิจนำพาองค์กรก้าวสู่การเติบโตในอนาคต ตามวิสัยทัศน์ 3 GO: GO FIRM, GO BOARD, GO GLOBAL ที่ครอบคลุมทั้งการขยายตลาดต่างประเทศ การรักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

โอกาสนี้ นายยุทธ วรฉัตรธาร ประธานกรรมการ TKN ได้ออกมาให้ความมั่นใจนักลงทุน และผู้ถือหุ้นด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด เพราะความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ และการยกระดับความเชี่ยวชาญในธุรกิจสาหร่ายทะเลแปรรูป ขนมขบเคี้ยว รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างลึกซึ้ง ของทั้งทีมบริหารในทุกระดับ และบุคลากรทุกส่วนงาน เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนธุรกิจให้มั่นคงและแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ประการสำคัญ บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในหลักการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมถึงสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรต่อไป

อย่างไรก็ตาม กระแสตอบรับจากนักลงทุนกลับออกมาในเชิงลบ เมื่อมีแรงขายกระจายตัวออกมา กดราคาหุ้น TKN ให้ปรับฐานจากที่แกว่งตัวบริเวณ 5.15-5.20 บาท ลงมาแกว่งบริเวณ 4.56-4.66 บาท ตลอดช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด