1379 จำนวนผู้เข้าชม |
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจไตรมาสสุดท้ายปี 2568 ว่า น่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 3 ซึ่งผลดำเนินงานจะทำได้ต่ำกว่าที่คาด (สาเหตุจากธุรกิจยาง ซึ่งมีสัดส่วนรายได้กว่า 84% ได้รับผลกระทบจากทั้งราคาขายที่ลดลงตามราคาตลาดโลก และปริมาณขายที่ชะลอตัวลง สาเหตุจากการอยู่ในช่วง De-Stocking ของลูกค้า หลังจากเร่งสั่งซื้อไปในช่วงยังไม่มีความชัดเจนเรื่องอัตราภาษีนำเข้าของอเมริกา ประกอบกับการบังคับใช้เกณฑ์ EUDR ในสหภาพยุโรปเริ่มมีความไม่แน่นอน ฉุดให้คำสั่งซื้อยางมาตรฐาน EUDR ชะลอออกไป ส่งผลให้รายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 11.9% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และกดดันให้กำไรสุทธิ ลดลง 76.9% YoY และลดลง 76.1% QoQ) ขานรับการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และการเติบโตดีขึ้นในทุกธุรกิจ
โดยธุรกิจยาง ได้แรงหนุนจากราคาขายที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามราคาในตลาดโลก และความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ผลักดันให้ยอดขายยางแท่งและยางมาตรฐาน EUDR เพิ่มขึ้น โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าจะสามารถรักษายอดขายยางแท่ง EUDR ได้ในสัดส่วน 35-40% ถึงแม้สหภาพยุโรปจะประกาศเลื่อนเกณฑ์ใช้ยาง EUDR ออกไปอีก 1 ปี เป็นปี 2570 จากการเน้นขายกลุ่มลูกค้ารายใหญ่แบรนด์ระดับโลก
ส่วนธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ น่าจะฟื้นตัวตามราคาขายที่ดีขึ้น และการเดินเครื่องผลิตได้เพิ่มขึ้นตามผลผลิตปาล์มที่สูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ได้อานิสงค์จากปริมาณขายก๊าซชีวภาพ (Biogas) ที่เพิ่มขึ้นตามแผนขยายกำลังการผลิตที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และการปรับอัตราค่าบริการสูงขึ้น สนับสนุนให้รายได้จากการขายและให้บริการทั้งปีเติบโตแตะ 20,000 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามเป้าหมายที่วางไว้ สะท้อนได้จากรายได้จากการขายและให้บริการช่วง 9 เดือนปีนี้ ทำได้แล้ว 15,825.9 ล้านบาท เติบโต 37.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมกับหนุนให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14.2% เป็น 438.1 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการนำ TEBP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ยังคงเดินตามแผน ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ภายในไตรมาสแรกปี 2569 เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้ขยายกำลังการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจบริหารจัดการกากของเสียอินทรีย์และผลิตก๊าซชีวภาพ พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปัจจุบัน ต่อยอดธุรกิจให้สามารถเติบโตก้าวกระโดดในระยะสั้น และปูทางสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านพลังงานสะอาดในระยะยาว