1419 จำนวนผู้เข้าชม |
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจไตรมาสสุดท้ายปี 2568 ว่า น่าจะสดใสกว่าไตรมาส 3 หนุนจากการฟื้นตัวของราคาขายที่ดีกว่าไตรมาส 3 และการได้ลูกค้าใหม่จากอินเดีย รวมถึงการได้รับการว่าจ้างจากการยางแห่งประเทศไทยให้ผลิตยางแท่งให้เดือนละ 10,000-15,000 ตัน ผลักดันให้ยอดขายเร่งตัวจาก 112,439 ตัน ขึ้นมาแตะระดับ 120,000 ตัน และสนับสนุนให้ยอดขายทั้งปีทำได้ 470,000 ตัน ตามเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งยังจะมีกำไรพิเศษจากการได้ค่าสินไหมทดแทนจากเหตุไฟไหม้ส่วนที่เหลืออีก 150–200 ล้านบาท เพิ่มเติมเข้ามา ผลักดันให้กำไรสุทธิเติบโตดีขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในระยะต่อไป บริษัทฯ เตรียมก่อสร้างโรงงานยางแท่งแห่งที่ 3 ภายในปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2569 โดยเฟสแรก จะเพิ่มกำลังการผลิต 100,000 ตัน เพื่อให้เพียงพอกับคำสั่งซื้อจากการยางแห่งประเทศไทย และลูกค้าอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมีเข้ามาแล้ว 3 ราย ก่อนขยายกำลังการผลิตเป็น 300,000 ตัน ในปี 2570 รองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ในอินเดียอีก 2 ราย ที่คาดว่าจะปิดดีลได้ก่อนเปิดโรงงานใหม่
พัฒนาการเชิงบวกเหล่านี้ ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายสำนัก เช่น พาย (Pi) กรุงศรี (KSS) หยวนต้า (YUANTA) และโกลเบล็ก (GBS) ยกให้เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่มธุรกิจยาง เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มกำไรระยะสั้น มูลค่าพื้นฐาน และความสามารถจ่ายปันผลสูงในอัตราราว 8-9%
สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป NER มีกำไรสุทธิ 327 ล้านบาท ลดลง 9.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และลดลง 41% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) แต่ถ้าหากตัดรายการพิเศษจากความเสียหายจากเหตุไฟไหม้บางส่วน และผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์และผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนรวมกันประมาณ 12 ล้านบาท จะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้น 53% YoY แต่ลดลง 31% QoQ มาอยู่ที่ 339 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้น YoY มีผลจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 15% YoY เป็น 112,439 ตัน ช่วยชดเชยผลกระทบจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง 5% มาที่กิโลกรัมละ 59.8 บาท และต้นทุนที่ลดลงช้ากว่าราคาขาย หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 8.9% ส่งผลให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 10% เป็น 6,727 ล้านบาท ส่วนการลดลง QoQ ถูกกดดันจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง 12% สวนทางต้นทุนที่ลดลงช้ากว่าราคาขาย ฉุดให้อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวจาก 10.5% เหลือ 8.9% ส่งผลให้รายได้จากการขายลดลง 11%
ขณะที่ผลดำเนินงานงวด 9 เดือน NER มีกำไรสุทธิ 1,489.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 24.3% มาอยู่ที่ 23,009.86 ล้านบาท จากปริมาณขายรวม 351,412 ตัน