1260 จำนวนผู้เข้าชม |
นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บมจ. เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) เปิดเผยแผนดำเนินงานปี 2569 ว่า พร้อมรุกขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้การขายจากที่มีสัดส่วนประมาณ 40% เป็น 50% เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้ามูลค่าสูง (High Margin Value) ที่ต่อยอดจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันปาล์ม และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สามารถใช้งานได้ทั้งการประกอบอาหาร และใช้ในอุตสาหกรรม Oleochemical เช่น ส่วนผสมในเวชสำอาง สบู่ ยาสระผม โดยอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตร Intercontinental Specialty Fats (ISF) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Nisshin Oillio ผู้ผลิตน้ำมันปรุงอาหารอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ที่มีเครือข่ายจำหน่ายครอบคลุมกว่า 50 ประเทศ และมีความเชี่ยวชาญในกลุ่ม Specialty Fat และผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ใช้เป็นวัตถุดิบต่อยอด เช่น Cocoa Butter และไขมันสำหรับอุตสาหกรรมเบเกอรี่ ช็อกโกแลต และเวชสำอาง อีกทั้งมีจุดแข็งในการเป็น B2B Specialty Supplier ช่วยลักดันให้ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงของ PCE เข้าถึงตลาดเชิงอุตสาหกรรมได้รวดเร็ว และมีช่องทางการจัดจำหน่ายระดับโลก
สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทฯ วางแผนขยายฐานผู้บริโภค (B2C) โดยมุ่งเน้นวางจำหน่ายน้ำมันปาล์มสำหรับประกอบอาหาร ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมทุกช่องทางจำหน่าย พร้อมกันนี้ยังมีแผนเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ให้กับแบรนด์และร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำในประเทศ เพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์และสร้างฐานลูกค้าปลีกที่มั่นคง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ โดยแผนลงทุนโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบและโรงกลั่นเฟส 2 มูลค่าลงทุน 180 ล้านบาท ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มทดสอบระบบแล้ว ทำให้พร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2569 ตามแผน ซึ่งจะสนับสนุนปริมาณทะลายปาล์มที่เข้ามาในไตรมาส 2 ทันที พร้อมกับเดินหน้าลงทุนก่อสร้างโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ และโรงกลั่น เฟส 3 มูลค่าลงทุน 310 ล้านบาท เพื่อผลิตสินค้า High-Margin เช่น น้ำมันเมล็ดในปาล์ม และน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ มีกำหนดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อครบทั้ง 3 เฟสแล้ว จะสามารถรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันได้สูงถึงชั่วโมงละ 210 ตัน หรือวันละ 5,040 ตัน คิดเป็นกำลังการผลิตรวมปีละ 8-9 แสนตัน เห็นผลชัดเจนในปี 2570
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนโรงงาน Fatty Acid มูลค่าการลงทุน 50 ล้านบาท เพื่อรุกสู่อุตสาหกรรม Oleochemical อย่างเต็มตัว เน้นไปที่ตลาด Consumer Product เพื่อผลิตสารลดแรงตึงผิว ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของสบู่ ครีมอาบน้ำ หรือผลิตวัตถุดิบสำหรับเวชสำอาง เพิ่มเติม โดยการลงทุนทุกโครงการ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้สูงตามมาตรฐานสากล มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกได้ในระยะยาว และใช้จุดแข็งด้านระบบโลจิสติกส์ที่ครบวงจร เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ได้ตรงความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น