1451 จำนวนผู้เข้าชม |
นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2569 ว่า ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ (New All Time High) แตะ 80,000 ล้านบาท ขับเคลื่อนจากการเติบโตในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ด้วยการขยายสาขาร้าน ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต เพิ่มจาก 615 สาขา ในปี 2568 เป็น 850 สาขา เพื่อเพิ่มยอดขาย โดยตั้งเป้ายอดขายสาขาเดิม (Same Store Sales Growth - SSSG) เติบโตในอัตรา 10% ผลักดันให้รายได้เติบโต 30% ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ขยายตัวจาก 26-27% ในปี 2568 มาอยู่ที่ 32-33% ช่วยลดความผันผวนของราคาเนื้อสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจเนื้อสัตว์ การเติบโตจะมาจากปริมาณขาย และการล็อคราคาต้นทุนอาหารสัตว์ โดยเฉพาะกากถั่วเหลือง ยาวถึงสิ้นปี สำหรับตลาดไทย และถึงไตรมาส 3 ในตลาดเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 50-60% ของปริมาณที่ใช้ทั้งปี ช่วยให้ต้นทุนการเลี้ยงหมู และไก่ปรับลดลงได้ 3-5% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 15% พร้อมกับหนุนให้รายได้จากธุรกิจหมูเติบโต 15% (ตลาดไทย 10% และตลาดเวียดนาม 20%) และธุรกิจไก่เติบโต 5-7% โดยธุรกิจหมู การเติบโตได้ปัจจัยหนุนจากราคาหมูในไทยและเวียดนามที่สูงขึ้น และปริมาณขายในเวียดนามที่เพิ่มขึ้น ตามแผนเพิ่มปริมาณเลี้ยงหมูขึ้นอีก 15-20% ส่วนธุรกิจไก่ การเติบโตจะมาจากการขยายตลาดส่งออก ทั้งตลาดเดิม อย่างเวียดนาม ญี่ปุ่น จีน สหภาพยุโรป และการเปิดตลาดใหม่ในเกาหลีใต้ มาเลเซีย และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในระยะยาว โดยตั้งเป้าการส่งออกเพิ่มจากปีนี้ 15%
สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ที่ผ่านมา TFG มีกำไรสุทธิ 1,704.09 ล้านบาท เติบโต 35.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) หนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ โดยธุรกิจค้าปลีก รายได้เพิ่มขึ้น 13.4% ตามแผนขยายสาขาเพิ่มเป็น 533 สาขา ส่วนธุรกิจไก่ และสุกร รายได้เพิ่มขึ้น 6.7% และ 3.3% ตามลำดับ ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโต 7.1% มาอยู่ที่ 18,378.31 ล้านบาท ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ต้นทุนวัตถุดิบต่อหน่วยลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่ม 3.6% เป็น 18.8% พร้อมกับหนุนให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ สร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้ตามแผนที่วางไว้ โดยกำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดด 177.7% มาอยู่ที่ 6,292.76 ล้านบาท ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 15.1% มาอยู่ที่ 54,695.04 ล้านบาท และจ่ายปันผลเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ทำให้ตลอด 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯ จ่ายปันผลรวมแล้วหุ้นละ 0.335 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 6.7% (อิงราคาหุ้นที่ 5 บาท) อีกทั้งยังสามารถคาดหวังเงินปันผลจากผลดำเนินงานทั้งปีได้อีก