23 จำนวนผู้เข้าชม |
นางสาวนพรัตน์ มาลัยวงค์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการ บมจ. 88 ไทยแลนด์ (88TH) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม 3 กลุ่ม 3 แบรนด์ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ (Hair Care) แบรนด์ไลโอ (LYO) กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) แบรนด์โฮน (Hone) และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (Cosmetic) แบรนด์เวอร์ 88 (ver.88) เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2569 ว่า พร้อมขยายตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง และทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ขยายตลาดในประเทศ สร้างการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 30% แตะระดับ 800 ล้านบาท ก่อนเติบโตแตะ 1,000 ล้านบาทในปี 2570
โดยการขยายตลาดต่างประเทศ พร้อมเดินเครื่องทำการตลาดในจีนหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ ประเดิมด้วยการไลฟ์สตรีมมิ่ง เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ และสร้างยอดขายผ่านช่องทางของพันธมิตร ในฐานะตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ LYO 2 ราย คือ บริษัท Shenzhen Suwan New Materials (Suwan) ซึ่งจะรับผิดชอบการขายและการทำตลาดทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ในฐานะตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Distributor) กับบริษัท Hong Kong Nexora International (Nexora) ที่รับผิดชอบการขายในทุกแพลตฟอร์มออนไลน์จีน ไม่ว่าจะเป็น Tmall Global, JD Worldwide, Douyin Global, Xiaohongshu Global หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยกลยุทธ์การขยายตลาดจีนจะเริ่มจากการขายผ่านช่องทางของพันธมิตร ก่อนขยายสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรดต่อไป โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรก 80-160 ล้านบาท หรือมีสัดส่วน 10-20% ของรายได้รวมทั้งปี ก่อนเติบโตก้าวกระโดดในปีถัดไป ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใน สปป. ลาว อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดในอนาคต
ส่วนแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผม และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ด้วยการเพิ่มเฉดสีแฟชั่น เช่น สีชานม สีชมพู และสีเทาหม่น ในไตรมาสแรก ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเกี่ยวกับเส้นผมรายแรกของไทย นอกเหนือจากกลุ่ม Hair care, Cosmetic และ Skincare ที่บริษัทฯ พัฒนาร่วมกับพันธมิตร โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1 แสนล้านบาท และยังมีคู่แข่งน้อยราย (Niche Product) ในไตรมาส 2 คาดหวังรายได้ในปีแรกประมาณ 400 ล้านบาท และมีความเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนช่วงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Anti-Hair Loss ก่อนหน้านี้
สำหรับการขยายตลาดในประเทศ จะยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากเป็นพิเศษ ทำให้มีการตั้งทีมไลฟ์สตรีมมิ่งของตัวเอง 3 ทีม เพื่อให้สามารถขายสินค้าได้ตลอด โดยไม่ต้องพึ่งพิงอินฟลูเอนเซอร์ภายนอกแต่เพียงอย่างเดียว ช่วยให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 65–70% แต่เพิ่มอัตรากำไรสุทธิให้สูงกว่า 15% ที่ทำได้ในปัจจุบัน
